กระเบื้องเคาน์เตอร์ครัว เป็นส่วนประกอบหนึ่งในการตกแต่งห้องครัวที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะแผ่นกระเบื้องจะต้องรองรับน้ำหนักเครื่องครัว ความชื้นจากการทำความสะอาด และความร้อนจากการประกอบอาหารโดยตรง หากไม่เลือกกระเบื้องปูเคาน์เตอร์ครัวให้เหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดปัญหาแตกร้าวเสียหายตามมาได้ วันนี้จระเข้จึงมีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการปูกระเบื้องเคาน์เตอร์ครัวมาฝากทุกคนกัน จะต้องเลือกอย่างไรบ้างนั้น ตามไปดูกันได้เลย!
ดูแบบบ้านสวยๆ คลิ๊ก!!
กระเบื้องเคาน์เตอร์ครัวมีกี่แบบ?
1. กระเบื้องเซรามิก
กระเบื้องเซรามิก (Ceramic Tiles) เป็นกระเบื้องเคาน์เตอร์ครัวยอดนิยมในการตกแต่งครัวก่อปูน โดยกระเบื้องปูเคาน์เตอร์ประเภทนี้เป็นกระเบื้องดินเผาที่ผสมสารพิเศษอื่น ๆ จากนั้นนำไปเผาด้วยความร้อนสูง แล้วนำมาเคลือบผิวตามลวดลายที่ต้องการ มีสีสันและลวดลายหลายแบบตามสไตล์ที่ต้องการ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปูกระเบื้องเคาน์เตอร์ครัวราคาประหยัด
ข้อดี: กระเบื้องเซรามิกเป็นกระเบื้องปูเคาน์เตอร์ครัวที่มีราคาถูก หาซื้อง่าย มีลวดลายให้เลือกหลายแบบ ติดตั้งง่าย
ข้อเสีย: แผ่นกระเบื้องมีรูพรุนจึงดูดซึมน้ำสูง หากใช้ไปนาน ๆ สีอาจซีดจางได้
2. กระเบื้องพอร์ซเลน
กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain Tiles) เป็นกระเบื้องที่ผลิตจากดินเผาเช่นเดียวกับเซรามิก แต่ต่างกันที่ดินที่ใช้เป็นดินขาว ผสมกับแร่ประเภทอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง จากนั้นนำไปเผาด้วยความร้อนสูง ทำให้กระเบื้องมีเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับใช้เป็นกระเบื้องปูเคาน์เตอร์ครัวที่เน้นทั้งความสวยงามและความแข็งแรง
ข้อดี: แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี ทนต่อการขีดข่วนและสารเคมี ดูดซึมน้ำต่ำเพียง 0.05%
ข้อเสีย: หากไม่ดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมออาจมีคราบสกปรกเกาะติดที่ยาแนวได้
3. กระเบื้องแกรนิตโต้
กระเบื้องแกรนิตโต้ (Granito Tiles) เป็นกระเบื้องเคาน์เตอร์ครัวอีกประเภทหนึ่งที่ไม่แบ่งชั้นเคลือบ มีเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น เนื่องจากมีส่วนผสมของผงหินแกรนิต จึงได้สีสันเหมือนกับหินแกรนิตธรรมชาติ แต่มีราคาถูกกว่าแกรนิตแท้ เหมาะสำหรับใช้เป็นกระเบื้องปูเคาน์เตอร์ครัวที่ช่วยเพิ่มความหรูหราเป็นธรรมชาติ
ข้อดี: แข็งแกร่ง ทนทาน ทนทานต่อรอยขีดข่วน มีพื้นผิวให้เลือกหลากหลายแบบ และดูดซึมน้ำต่ำเพียง 0.1%
ข้อเสีย: ราคาแผ่นกระเบื้องและค่าแรงสูงกว่ากระเบื้องประเภทอื่น
บทความน่าสนใจ :
ปูกระเบื้องเคาน์เตอร์ครัวมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
- ทำความสะอาดพื้นผิว หลังจากก่ออิฐและหล่อปูนด้านบนเคาน์เตอร์ครัวเรียบร้อยแล้ว ทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อยเสียก่อน โดยให้ปราศจากสิ่งแปลกปลอม เศษฝุ่น หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ เพื่อให้กาวซีเมนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ผสมกาวซีเมนต์ ผสมกาวซีเมนต์กับน้ำตามอัตราส่วนที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ แล้วคนกาวซีเมนต์กับน้ำให้เข้ากัน หรือใช้เครื่องผสมรอบต่ำประมาณ 150 รอบต่อนาที ช่วยผสมเนื้อกาวให้เข้ากันยิ่งขึ้น จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ให้เคมีบ่มตัว แล้วคนซ้ำอีกครั้งก่อนเริ่มใช้งาน
- ปาดกาวซีเมนต์และติดคิ้วกระเบื้อง ใช้เกรียงหวีด้านเรียบปาดกาวซีเมนต์ลงบนบริเวณที่ต้องการ แล้วใช้ด้านหวีปาดกาวซีเมนต์ให้เป็นร่อง และก่อนจะเริ่มปูกระเบื้องต้องติดคิ้วกระเบื้องบริเวณขอบท็อปเคาน์เตอร์เสียก่อน แล้วกดให้กาวซีเมนต์ลอดผ่านช่องบนคิ้วกระเบื้องขึ้นมา
- ติดกระเบื้องและจัดแนว หลังจากติดคิ้วกระเบื้องเรียบร้อยแล้ว ไล้ปูนซีเมนต์ลงบนหลังแผ่นกระเบื้อง แล้วติดลงบนกาวซีเมนต์ที่ปาดเป็นร่องไว้แล้ว จากนั้นจึงจัดแนวตามต้องการ และควรจัดแนวให้เสร็จภายใน 15 นาที และใช้ค้อนยางตอกเบา ๆ ให้กระเบื้องเคาน์เตอร์ครัวติดแน่น
- บ่มและยาแนว หลังปูกระเบื้องเคาน์เตอร์ครัวเรียบร้อยแล้ว ควรบ่มทิ้งไว้ประมาณ 24-48 ชั่วโมง และยาแนวด้วยกาวยาแนวที่เหมาะกับขนาดร่อง จากนั้นเช็ดทำความสะอาดก็เป็นที่เรียบร้อย
บทความน่าสนใจ :
สรุปบทความ ตามหาผู้ติดตั้งห้องครัวที่เหมาะสำหรับคุณ
นอกจากการเลือกกระเบื้องเคาน์เตอร์ครัวให้แข็งแรงทนทาน และติดตั้งด้วยวิธีที่เหมาะสมเพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานแล้ว การเลือกคิ้วกระเบื้องก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกใช้คิ้วจระเข้ พลัส ไมโครแบน ซึ่งเป็นวัสดุสำหรับตกแต่งขอบกระเบื้อง ผลิตด้วย uPVC เกรดพิเศษ มาตรฐานเยอรมัน แข็งแรงแต่ยืดหยุ่นไม่แตกหักง่าย ทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี พร้อมด้วยเทคโนโลยี Microban® ซึ่งช่วยยับยั้งราดำและแบคทีเรีย เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่เปียกชื้นอย่างห้องครัวได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้เคาน์เตอร์ครัวที่บ้านคุณ สวยงาม ทนทาน ใช้งานได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหาย
บทความน่าสนใจ :