การจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย เป็นความเชื่อที่มีอยู่ในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งถ้าเพื่อนๆอยากลองที่จะปรับเปลี่ยน ปรับปรุงบ้านของเพื่อนๆให้เป็นไปตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้บ้านเกิดความร่มเย็นเป็นสุข น่าอยู่ เเละเสริมความเป็นมงคล ความเจริญก้าวหน้าในชีวิต เเอดหวังว่าบทความนี้จะสามารถให้ไอเดียดีๆเพื่อที่เพื่อนๆจะได้นำไปปรับเเต่งในการเเต่งห้องตามหลักฮวงจุ้ยที่ถูกต้องกับห้องของเพื่อนๆเองครับ
รวม 15 เทคนิค จัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
1. บ่อปลาหน้าบ้าน ช่วยพาเงินทองไหลเข้าบ้าน
บ่อปลาหน้าบ้าน ทำให้เงินทอง ทรัพสินย์รวมไปถึงสิ่งดีๆและพลังงานบวกไหลเข้าบ้านได้ดี ทำให้บ้านของเรามีเเต่สิ่งดีๆ มีความมั่นคง มั่งคั่ง สุขภาพดี การงานเจริญก้าวหน้า และที่สำคัญ “น้ำ” ภายในบ่อนั้นยังเป็นแหล่งกักเก็บทรัพย์และพลังงานบวก เเละทำให้สิ่งดีๆไหลวนอยู่ภายในบ้านอีกด้วย ซึ่งวิธีการสร้างบ่อปลาหน้าบ้านตามหลักฮวงจุ้ยมีดังนี้
- การจัดวางบ่อปลาที่ดีมีทั้งหมด 3 ทิศ : ได้แก่ ทิศเหนือ จะช่วยเสริมความเจริญก้าวหน้า / ทิศตะวันออก เสริมความมั่งคั่งภายในบ้าน / ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เงินทองไหลมาเทมา
- ลักษณะของบ่อควรเป็นทรงกลม : เราไม่ควรสร้างบ่อที่มีเหลี่ยมมุมเนื่องจากจะทำให้เหลี่ยมมุมทิ่มเเทงพลังงานบวกภายในบ้าน ดังนั้นเราควรจะสร้างบ่อที่เป็นวงกลมหรือครึ่งวงกลมก็ได้ ซึ่งจะทำให้ เงินทอง เเละพลังงานบวกไหลวนอยู่ภายในบ้าน โดยไม่ไหลออกนั่นเอง
- น้ำในบ่อต้องสะอาดและไหลอยู่ตลอด : ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว หากบ่อน้ำเน่าเสียจะทำให้ผู้คนในบ้านเจ็บป่วยได้ ที่สำคัญน้ำในบ่อควรจะคดเคี้ยวไหลเข้าบ้าน เพื่อให้สิ่งดี ๆ ไหลเข้าบ้าน ไม่ควรปล่อยให้เป็นเส้นตรงเพราะจะทำให้สิ่งดีๆไหลออก
- น้ำลึกพอสมควร ตื้นเกินไปการเงินจะไม่ดี : น้ำในบ่อควรมีความลึกตั้งเเต่ 0.5 เมตรขึ้นไปเพราะถ้าน้ำตื่นไป จะทำให้เงินทองไหลเข้าบ้านน้อยลงตามไปด้วย
- ปลาในบ่อควรมีทั้งสีมงคลและสีดำ : ปลาในบ่อส่วนใหญ่ควรเป็นสีมงคลก็จริง เเต่เราควรจะมีปลาสีดำไว้ 1 ตัวภายในบ่อเนื่องจากจะช่วยกันพลังงานลบไหลเข้ามาได้นั่นเอง
2. การจัดโต๊ะทำงาน เสริมดวงเรื่องการงาน
โต๊ะทำงานจึงเปรียบเสมือนในการดำเนินหน้าที่การงาน สร้างสรรค์คอดไอเดียใหม่ๆ ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยการจัดโต๊ะทำงานถ้าหากจัดให้ถูกต้องก็จะช่วยส่งเสริมให้หน้าที่การงานประสบความสำเร็จ ราบรื่น ปราศจากปัญหาอุปสรรคนั่นเอง
- ห้ามจัดโต๊ะทำงานให้หันตรงกับประตู หรือ ตรงข้ามกับประตู : เพราะเชื่อว่าจะทำให้โชคลาภเงินทอง รวมถึงบารมีไหลออกนอกห้องทำงานไป
- หลีกเลี่ยงมุมอับ : เพราะตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว เราไม่ควรหันโต๊ะทำงานเข้าผนัง นอกจากจะสร้างความอึดอัดเวลานั่งทำงานแล้ว ยังเชื่อว่าเป็นมุมอับโชค ทำให้สมองไม่ปลอดโปร่ง
- การจัดโต๊ะทำงานไม่ควรนั่งติดหรือชิดเสา : เพราะจะส่งผลให้มีแต่เรื่องเครียดๆ เข้ามา
การวางของตามตำเเหน่งบนโต๊ะทำงาน :
- ด้านซ้ายมือ เป็นตัวแทนของความรู้ ควรวางหนังสือ เอกสาร ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานไว้ตำแหน่งนี้เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถให้ดียิ่งขึ้น
- ด้านขวามือ เป็นตัวแทนเกี่ยวกับการประสานงาน ความรัก ความคิดสร้างสรรค์ ควรวางรูปครอบครัว แจกันดอกไม้เล็กๆ เพื่อเพิ่มความสดใสให้ชีวิต เเละราบรื่นในการปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ด้านหน้า เป็นตัวแทนของลูกน้องบริวาร ควรปล่อยตำแหน่งนี้ให้ว่างโล่งเพราะถ้าหากรกอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับลูกน้อง
- ด้านหลัง เปรียบเสมือนความมั่นคง ด้านหลังที่ดีควรเป็นกำแพงไม่ควรเป็นทางเดิน ประตู หรือกระจก
3. วางกระถางต้นไม้หน้าบ้าน เสริมความร่มเย็นสงบสุข ทรัพย์เจริญงอกงาม
ต้นไม้เป็นสิ่งที่สามารถช่วยส่งเสริมบรรยากาศดีๆให้กับบ้านของเราได้และยังทำให้บ้านของเรามีอากาศที่ดี ไม่ร้อน เเละร่มเย็นเป็นสุข เเต่ไหนๆเราจะปลูกต้นไม้เเล้วเราก็ควรจะทำให้มันถูกหลักฮวงจุ้ยเพื่อที่จะทำให้นอกจากอากาศที่ดีเเล้ว ยังช่วยส่งเสริมความเป็นมงคลให้กับบ้านของเราอีกด้วยนั่นเอง ซึ่งวิธีง่ายๆในการจัดวางต้นไม้หน้าบ้านมีดังนี้
- ประเภทของต้นไม้ : ประเภทของต้นไม้ที่เราจะต้องเลือกปลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการจะเลือกปลูกต้นไม้ให้เสริมมงคลให้กับบ้านของเรา ซึ่งเราควรเลือกต้นไม้ที่เป็นมงคลกับชีวิต เช่น ต้นไผ่กวนอิม ต้นศุภโชค ต้นยางอินเดีย เป็นต้น เเละควรเลี่ยงต้นไม้ที่ก่อให้เกิดสารพิษต่างๆ
- ขนาดของต้นไม้ : ขนาดของต้นไม้เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากถ้าเราปลูกต้นไม้ที่ใหญ่เกินไผก็อาจจะทำให้บดบังพลังงานบวกเข้ามาในบ้านได้ ดังนั้นเราควรเลือกขนาดให้พอดีๆสอดคร้องกับขนาดบ้านของเรา
- ตำแหน่งและทิศทางของต้นไม้ : ตามหลักฮวงจุ้ย ต้นไม้แต่ละชนิดมีตำแหน่งและทิศทางที่เหมาะสมของมัน ดังนั้นเราควรเลือกต้นไม้ที่สอดคร้องกับทิศกับบ้านของเรานั่นเอง
- จำนวนของต้นไม้ : จำนวนของต้นไม้จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลกับเรื่องพลังงานภายในบ้าน เพราะหากเราปลูกต้นไม้หนาแน่นมากเกินไป ก็อาจส่งผลถึงเรื่องพลังงานแสงสว่างภายในบ้านได้เช่นกัน
4. น้ำพุหน้าบ้าน ส่งเสริมหน้าที่การงานให้มั่นคง ก้าวหน้า
ชื่อว่าทุกคนคงมีคำถามว่าหากอยากตกแต่งบ้านด้วยน้ำพุ ทำไมถึงต้องตั้งน้ำพุหน้าบ้าน ก่อนอื่นต้องขอบอกตรงนี้เลยว่าการตั้งน้ำพุไว้หน้าบ้าน นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังช่วยเสริมในเรื่องของหลักฮวงจุ้ยตามศาสตร์จีนด้วย
- ทิศทางในการตั้งน้ำพุ : การเลือกมุมหรือกำหนดทิศทางที่จะตั้งน้ำพุเสริมฮวงจุ้ยที่ดีจะต้องตั้งน้ำพุไว้บริเวณหน้าบ้าน แต่ไม่ควรตรงกับประตูบ้าน เนื่องจากน้ำพุอาจบังพลังงานดีไม่ให้ไหลเข้าสู่ตัวบ้านได้
- รูปทรงของน้ำพุ : สำหรับน้ำพุที่จะนำมาติดตั้งหน้าบ้านเพื่อเสริมหลักฮวงจุ้ยนั้น รูปทรงของน้ำพุที่ดีควรที่จะเป็นทรงกลม ไม่มีเหลี่ยมและไม่มีมุมแหลม เพราะมุมเหลี่ยมหรือมุมแหลมตามหลักฮวงจุ้ยแล้วหมายถึงการทิ่มแทงนั่นเอง
- ลักษณะของน้ำพุ เสริมฮวงจุ้ย : หลังจากเลือกจุดที่ตั้งของน้ำพุในทิศทางที่ถูกหลักฮวงจุ้ยแล้ว ต่อมาคือลักษณะของน้ำพุที่ดีควรจะพุ่งขึ้นมาให้พ้นระดับพื้นน้ำอย่างชัดเจน เพื่อให้การเคลื่อนไหวของน้ำมีความชัดเจน โชคลาภจะได้ไหลมาเทมา
- ขนาดของน้ำพุ : สำหรับขนาดของน้ำพุสามารถเลือกใช้ได้ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ แต่ก็ควรเลือกให้เหมาะกับพื้นที่บริเวณหน้าบ้าน เพื่อให้พลังงานบวกไหลสู่บ้านได้อย่างทั่วถึง
- ความลึกของน้ำพุ : ความลึกของน้ำพุหมายถึงเรื่องโชคลาภและปริมาณเงินทองที่จะไหลเข้ามา เพราะหากน้ำพุมีระดับความลึกเพียงเล็กน้อยหรือตื้นพลังงานที่จะส่งมาก็น้อยตามไปด้วย แต่หากน้ำพุมีความลึกมากพลังงานดีๆ ก็จะไหลเวียนมากนั่นเอง
5. บ้านหันหน้าทิศเหนือ เสริมความรุ่งเรือง อำนาจบารมี
ทิศบ้านทิศเหนือ หากห้องคอนโดหรือหน้าบ้านหันหน้าไปทางทิศเหนือ ต้องบอกว่าทิศนี้เหมาะกับคนที่ชอบใช้เวลาอยู่ห้องหรืออยู่บ้าน เพราะอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แสงแดดส่องไม่ถึงตัวบ้านหรือห้อง จะได้รับแสงอ่อน ๆ ก็หน้าบ้านหรือระเบียงห้องเท่านั้น ทำให้บ้านและห้องเย็น หากเป็นบ้าน หน้าร้อนและหน้าฝนลมจะเข้าทางหลังบ้าน ส่วนหน้าหนาวลมก็จะเข้าทางหน้าบ้าน แต่ข้อควรระวังสำหรับห้องหรือบ้านที่หันทางทิศเหนือก็คือห้องอาจอับชื้น เกิดเชื้อราได้ เพราะแสงเข้าน้อย และจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบรับแสงแดด
นอกจากนั้นยังเชื่อกันว่า หากบ้านหันหน้าทิศเหนือ จะช่วยส่งเสริมเรื่องอำนาจหน้าที่ ทำให้ให้คนในบ้านมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้น เหนือกว่าคนอื่นในทุก ๆ ด้าน
6. จัดหิ้งพระแบบติดผนัง เสริมบุญ สิริมงคล โชคลาภเงินทอง
สำหรับคอนโด หรือ บ้านที่มีพื้นที่จำกัดนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกใช้เป็น “หิ้งพระแบบติดผนัง” ซึ่งมีขนาดเล็ก และไม่ต้องใช้พื้นที่ในการจัดวาง เนื่องจากต้องยึดติดกับผนัง แต่การจัดวางหิ้งพระแบบติดผนังก็มีความสำคัญเช่นกัน ซึ่งควรมีการจัดวางที่ถูกต้อง ตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อช่วยเสริมสิริมงคล รวมไปถึงโชคลาภเงินทองค่ะ
- การติดตั้งหิ้งพระควรอยู่เหนือศรีษะ : พระถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เคารพบูชา ฉะนั้น ตำแหน่งของหิ้งพระควรอยู่เหนือศรีษะ โดยตามหลักฮวงจุ้ย หากหิ้งพระอยู่ต่ำกว่าศรีษะ จะส่งผลทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่เจริญก้าวหน้า หน้าที่การงานเติบโตช้า
- ไม่ติดหิ้งพระผนังเดียวกับห้องน้ำ : โดยตามหลักฮวงจุ้ยห้องน้ำถือเป็นธาตุน้ำ และหิ้งพระถือเป็นธาตุไฟ ซึ่งไม่ควรอยู่ใกล้หรือใช้ผนังเดียวกัน เพราะจะทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระเสื่อมลง เนื่องจากถูกพลังของธาตุน้ำบั่นทอน อีกทั้งยังส่งผลในเรื่องของเงินทองรั่วไหลอีกด้วยค่ะ
- ไม่ติดหิ้งพระเหนือประตูทางเข้า : บริเวณประตูทางเข้า ถือเป็นส่วนที่มีการเดินเข้า – ออกกันอยู่บ่อยครั้ง มีความพลุกพล่าน จึงไม่ควรติดหิ้งพระไว้เหนือประตูทางเข้า เนื่องจากหิ้งพระควรอยู่ในบริเวณที่เงียบสงบ อีกทั้งตามหลักฮวงจุ้ย หากติดหิ้งพระไว้เหนือประตูทางเข้า จะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยมีแต่ความวุ่นวาย ไม่สงบสุข
- ไม่ติดหิ้งพระภายในห้องนอน : หากหลีกเลี่ยงได้ Infinity Design ผ้าม่าน ไม่แนะนำ ให้นำหิ้งพระไว้ภายในห้องนอน เนื่องจากอาจมีการทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม อาทิ การเปลี่ยนเสื้อผ้า และ อื่นๆ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่มงคลอย่างยิ่ง
- หันหน้าหิ้งพระไปทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : โดยตามหลักฮวงจุ้ยการหันหน้าพระไปทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ถือเป็นการช่วยเสริมสิริมงคลให้แก่ผู้ที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นด้านการงานและการเงิน สำหรับทิศที่ต้องห้ามที่ไม่ควรหันหน้าพระไปนั้น ก็คือทิศตะวันตก เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตตกต่ำ ไม่เจริญก้าวหน้านั้นเองค่ะ
7. ธรณีประตู สะสมโชคลาภ และเพิ่มพลังงานบวก
คนจีนโบราณให้ความหมายธรณีประตู ซึ่งเปรียบดั่งสนามรวมพลของพลังงานต่างๆ มีทั้งพลังงานบวกและลบรออยู่หน้าประตู เพราะมีช่องว่างระหว่างประตูกับพื้นที่คอยคัดกรองพลังงานบวกและลบ หากธรณีประตูได้จัดวางถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย จะมีประโยชน์ในการคัดกรองพลังงานลบออกจากบ้าน พร้อมนำพลังงานบวกกระจายเข้าสู่บ้าน ทำให้บ้านได้รับรัศมีของพลังบวกทุกวัน บ้านจึงมีแต่ความสุขและโชคลาภ
- การติดตั้งธรณีประตู : ส่วนใหญ่จะมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผังพลังงานของบ้าน และความชอบส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ส่วนการออกแบบแปลนบ้านเป็นองค์ประกอบด้วย ธรณีประตูที่ดีต้องไม่ต่ำจนเกินไป ส่วนใหญ่จะสูงประมาณ 5 เซนติเมตร หรือหนึ่งนิ้วขึ้นไป ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่า ธรณีประตูต่ำเกินไปนั้น จะไม่สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากบ้านได้ และคนในบ้านไม่ควรเหยีบบธรณีประตู แต่ให้ตั้งใจก้าวเท้าเข้าบ้านด้วยสติ เพื่อเป็นนัยยะสอนให้ลูกหลานระมัดระวังตัวในการเดิน เพื่อความปลอดภัยและมีสติอยู่ตลอดเวลานั้นเอง
- ธรณีประตู ต้องมีแค่ 2 จุดเท่านั้น : คือ ประตูหน้าบ้าน และ ประตูหลังบ้าน โดยที่ประตูหน้าบ้าน ควรวางธรณีประตู ให้สามารถผลักประตูเข้าบ้านได้อย่างเดียวเท่านั้น และ ประตูหลังบ้าน ควรวางธรณีประตู ให้สามารถผลักประตูออกจากบ้านได้อย่างเดียวเช่นกัน
8. ประตูบ้านที่ดี ทำให้เงินไหลเข้าเเต่ไม่เทออก
ตามหลักฮวงจุ้ยบ้าน ประตูหน้าบ้านเรียกทรัพย์ เปรียบเสมือนปากทางเข้าของพลังงาน “ชี่” พลังงานแห่งชีวิต ความเจริญรุ่งเรือง และโชคลาภ การจัดวางประตูบ้านให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยจึงส่งผลต่อความมั่งคั่ง ความสุข และความสำเร็จของผู้อยู่อาศัย ซึ่งตามหลักความเชื่อของโหราศาสตร์จีนการสร้างบ้านตามหลักฮวงจุ้ยนั้นมีความเชื่อว่าการมี ประตูหน้าบ้านเรียกทรัพย์ จะช่วยเสริมเรื่องโชคลาภ เปิดรับพลังบวกเข้ามาสู่คนในบ้าน และมีส่วนช่วยทำให้ชีวิตของคุณมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามานั่นเอง
- หากต้องการมีโชคลาภทางด้านการเงิน : ตามหลักฮวงจุ้ยควรติดตั้งประตูแบบที่เปิดเข้าไปในตัวบ้าน หรือเลือกติดประตูแบบบานเลื่อน
- ไม่ควรติดตั้งประตูบ้านที่อยู่ตรงกับเสาไฟฟ้า : เนื่องจากตามหลักฮวงจุ้ย จะทำให้คนในบ้านมีความเหนื่อยยาก และสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง รวมถึงมีอุปสรรคด้านการงาน
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งประตูบ้านที่ตรงกับประตูรั้ว : โดยตามหลักฮวงจุ้ยจะทำให้คนในบ้านเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง
- ประตูหน้าควรมีขนาดใหญ่กว่าประตูหลังบ้าน : จะช่วยให้เงินทองไหลมาเทมาได้ดี
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งประตูบ้านที่อยู่ตรงกับบันไดบ้าน : เพราะตามหลักฮวงจุ้ยจะทำให้เกิดพลังงานทางด้านลบ
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งประตูห้องน้ำที่อยู่ตรงกับเตียงนอน : เพราะตามหลักฮวงจุ้ยจะทำให้สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง
9. การจัดวางหลอดไฟที่ถูกต้อง ช่วยกระตุ้นพลังงานบวก
แสงสว่างของหลอดไฟ นอกจากช่วยในการมองเห็น รวมถึงสะท้อนความสวยงามในแต่ละบริเวณภายในบ้ายแล้ว ยังมีส่วนช่วยเสริมความเป็นสิริมงคล ให้มีเงินไหลมาเทมาอีกด้วย เเต่ที่สำคัญในเเต่ละบริเวณภายในบ้าน การจัดวางหลอดไฟที่ดีก็จะเเตกต่างกันออกไป ซึ่งในเเเต่บริเวณบ้านมีหลักการการจัดวางดังนี้
- ประตูรั้วบ้าน : ตามหลักฮวงจุ้ยควรมีหลอดไฟฟ 2 ดวง บริเวณข้างประตูรั่วบ้าน ซึ่งจะช่วยนำโชคลาภเข้ามาสู่คนในบ้าน
- ประดูทางเข้าบ้าน : ควรเลือกหลอดไฟที่มีแสงสว่างดเพียงพอ โดยตามหลักฮวงจุ้ยจะช่วยนำทางโชคลาภเข้ามาสู่ในตัวบ้าน
- ไฟห้องนอน : ตามหลักฮวงจุ้ยให้เลือกไหที่สามารถกรองแสงได้ดี รวมถึงให้ทำเพดานหลุมเพื่อซ่อนไฟไว้ ยังช่วยเสริมพลังงานด้านบวกแก่เจ้าของห้องนอนอีกด้วย สำหรับประเภทหลอดไฟที่ควรเลี่ยงคือ หลอดที่มองเห็นหลอดไฟภายในอย่างชัดเจน
- ไฟห้องทำงาน : เป็นบริเวณที่ควรมีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น และไม่ส่งผลเสียต่อการมองเห็น โดยตามหลักฮวงจุ้ยควรเลือกหลอดไฟที่มีช่วนทำให้รู้สึกถึงความกระฉับกระเฉง ซึ่งจะส่งผลให้การงานเป็นไหหได้ด้วย และประสบความสะเร็จ
- ไฟห้องน้ำ : ตามหลักฮวงจุ้ยควรเลือกหลอดไฟที่มีสว่างส่องถึงทั่วบริเวณ โดยจะช่วยเสริมสุขภาพที่ดีแก่ร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดอุบัติเหตุการลื่นล้มได้อีกด้วย
- ไฟบันได : ควรเลือกไฟที่ส่งสว่างทางขึ้นลงบันไดได้ชัดเจน โดนตามหลักฮวงจุ้ยถือเป็นการเปิดรับพลังงานด้านบวก อีกทั้งยังช่วยลดอุบัติเหตุการพลัดตกบันไดอีกด้วย
- สีของหลอดไฟที่เหมาะสม : ตามหลักฮวงจุ้ยแสงที่เหมาะสมคือแสงสีขาว ซึ่งจะช่วยส่องท่องให้โชคลาภได้มาสู่ภายในบริเวณบ้าน อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการมองเห็นที่ไม่เป็นอุปสรรคอีกด้วย
10. รั้วบ้าน เปรียบเสมือนทางผ่านของหลังงานบวก
รั้วบ้านเป็นทางผ่านเข้าออกของคนในบ้าน จึงเปรียบเสมือนทางผ่านเข้าออกของพลังงานทั้งดีและไม่ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นหากสร้างรั้วบ้านให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย
ถือเป็นการเปิดรับพลังงานบวกอยู่ตลอดเวลา จะช่วยเสริมให้คนในบ้านพบเจอแต่เรื่องดี ๆ แต่จะมีวิธีใดบ้าง ลองมาอ่านไปพร้อมกันเลย
- รั้วต้องโปร่ง ไม่ทึบ : รั้วบ้านที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยนั้นจะต้องโปร่ง โล่ง ไม่ทึบ อากาศถ่ายเทได้สะดวกเพราะถือเป็นการรับพลังเข้าสู่ตัวบ้าน ซึ่งจะช่วยเสริมให้คนในบ้านได้รับแต่พลังงานที่ดีหรือสิ่งดี ๆ นั่นเอง
- ไม่ควรเจาะช่องหน้าต่างที่กำแพงรั้วบ้าน : หากเจาะช่องหน้าต่างที่รั้วแล้ว จะถือว่าบ้านนั้นขาดความมั่นคง และไม่ควรสร้างประตูรั้วและประตูบ้านให้อยู่ตรงกัน ตามฮวงจุ้ยเชื่อว่าจะทำให้เก็บทรัพย์ไม่อยู่
- ไม่ควรปล่อยให้รั้วบ้านชำรุดหรือเสียหาย : ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว สิ่งของที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพถือเป็นสิ่งไม่ดีที่จะนำพลังงานลบหรือความโชคร้ายมาสู่คนในบ้าน เพราะฉะนั้นจึงควรดูแลรักษาสภาพรั้วบ้านให้แข็งแรงดูใหม่อยู่เสมอ เพื่อป้องกันความโชคร้ายจากภายนอกบ้าน
11. บันไดบ้าน เเหล่งเชื่อมโยงพลังงานดีไปยังเเต่ละชั้นของบ้าน
“บันไดบ้าน” ตามศาสตร์ฮวงจุ้ยของชาวจีนนั้น ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นจุดโยงพลังงานชี่ของแต่ละชั้น ทั้งยังเป็นตัวสร้างความเคลื่อนไหว ทำให้พลังงานเกิดการเคลื่อนที่ และเพิ่มพลังให้กับบ้านได้ การสร้างและจัดวางบันไดในบ้าน ย่อมส่งผลกระทบต่อเจ้าของบ้านและสมาชิกภายในบ้านได้ทั้งในทางที่ดีและทางที่ร้าย ดังนั้น นอกจากการสร้างบันไดให้มั่นคงแข็งแรงแล้ว ประเด็นเรื่องตำแหน่งของบันไดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยเช่นกัน โดยหลักฮวงจุ้ยที่ดีของบันได มีหลายประการดังนี้
- ห้ามสร้างบันไดหันออกสู่ประตูบ้าน : เพราะจะขวางกระแสชี่จากภายนอกที่ไหลเข้าสู่ตัวบ้าน ขณะเดียวกันกระแสชี่ในบ้านยังไหลออกสู่นอกบ้านอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้เก็บทรัพย์สินเงินทองไม่อยู่
- ห้ามวางบันไดไว้บริเวณใจกลางบ้าน : เพราะบันไดมีสภาพเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้เจ้าบ้านอยู่ไม่ติดบ้านและอาจส่งผลให้เกิดโรคหัวใจได้ เพราะตำแหน่งหัวใจ มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา แต่ให้สร้างบันไดอยู่บริเวณด้านข้างของตัวบ้านแทน ด้านซ้ายหรือด้านขวาก็ได้
- ห้ามสร้างบันไดตรงกับประตูห้องในบ้าน : ไม่ว่าจะเป็นห้องใดก็ตาม เพราะเปรียบเสมือนว่าห้องนั้นตรงอยู่ตรงตำแหน่งทางสามแพร่งพอดี เป็นอัปมงคลแก่เจ้าของห้องอย่างยิ่ง อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วย ต้องเสียเงินเสียทองไปรักษาตัว
- ห้ามมีบันไดเทลาดออกจากห้องนอนในระยะประชิด : คำว่าประชิดหมายถึงอยู่ในระยะราวๆ ต่ำกว่า 1-2 เมตร ซึ่งมีลักษณะเปิดประตูห้องนอนออกมาก็เกือบก้าวลงบันไดทันที สาเหตุเนื่องจากบันไดซึ่งมีลักษณะลาดชันนั้น กระแสอากาศจะไหลออกตลอดเวลา ทำให้พลังงานที่ดีไหลออกไปเช่นกัน และยังเข้ากับกฎของฮวงจุ้ยข้อที่ 3 ด้วย ที่ห้ามสร้างบันไดตรงกับประตูห้องทุกห้องภายในบ้าน
- ต้องมีชานพักคั่นกลางบันได : ดังที่กล่าวไปแล้วว่าบันไดมีสภาพการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ดังนั้น การมีชานพักบันไดจะช่วยชะลอการไหลของกระแสอากาศที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ให้มีอัตราการไหลที่ช้าลง
- ความกว้าง ความสูง บันไดต้องอยู่ในระยะที่เหมาะสม : บันไดที่แคบและชันมากย่อมเดินไม่สะดวกและเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ดังนั้นจึงควรสร้างบันไดที่มีความกว้าง ความสูง และความลาดชันที่เหมาะสม โดยความลาดชันไม่ควรเกิน 45 องศา
- ห้ามสร้างขั้นบันไดเป็นจำนวนเลขคู่ : ต้องสร้างขั้นบันไดเป็นจำนวนเลขคี่ ซึ่งเป็นเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย เนื่องจากเมื่อเริ่มก้าวเดินด้วยเท้าข้างใดต้องจบลงด้วยเท้าอีกข้าง จึงจะเกิดความสมดุลและสะดุดเสียหลักล้มลงไป เป็นกุศโลบายความเชื่อของคนโบราณที่คำนึงถึงเหตุผลด้านสวัสดิภาพเป็นสำคัญ
12.ตำเเหน่งหน้าต่างที่ดี ทำให้ทรัพย์ เเละพลังงานที่ดี ไหลเข้าบ้าน
สำหรับการออกแบบทางสถาปัตยกรรมแล้ว ‘หน้าต่าง’ ทำหน้าที่เป็นช่องเปิดเพื่อให้อากาศไหลเวียน รวมถึงเปิดมุมมองเพื่อรับวิวภายนอกอาคาร ซึ่งในทางฮวงจุ้ยนอกจากหน้าต่างจะทำหน้าที่ดังกล่าวแล้ว หน้าต่างยังเป็นสื่อสำคัญที่เปิดรับสิ่งที่ดีและไม่ดีให้เข้าหรือออกจากบ้านได้เช่นกันผ่าน ‘ชี่’ ที่หมายถึง ลมปราณหรืออากาศในภาษาของฮวงจุ้ย
- หน้าต่างที่ดีควรเปิดกว้างได้อย่างเต็มที่ : เพื่อจะได้เปิดรับพลังงานดีๆ รวมถึงมีโชคลาภเข้ามาสู่คนในบ้าน
- ติดตั้งหน้าต่างในลักษณะที่เปิดไปด้านนอก : โดยตามหลักฮวงจุ้ยจะช่วยส่งเสริมหน้าที่การงานให้รุ่งเรือง
- จำนวนหน้าต่างต้องเหมาะสม : จำนวนหน้าต่างที่เหมาะสมคือ จำนวน 3 บาน ต่อ 1 ห้อง โดยตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ไม่ดีหากมีหน้าต่างมากมากเกินไป จะทำให้เกิดปัญหากับคนในบ้าน
- บนผนังควรมีหน้าต่าง 2 ด้าน : เพราะตามหลักฮวงจุ้ยหากมีหน้าต่างเยอะเกินไป จะทำให้เงินทองรั่วไหล
- ไม่ควรติดตั้งประตูหน้าบ้านตรงกับหน้าต่าง : เพราะจะทำให้ลมพัดเอาความโชคดีออกไป
- รูปแบบหน้าต่าง : ควรเลือกติดตั้งหน้าต่างที่สามารถมองเห็นบรรยากาศภายนอก รวมถึงรับแสงแดดได้ดี เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล
13 ห้องต้องเรียบร้อย สะอาด เเละจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้ โปร่ง โล่งสบาย
ตามหลักฮวงจุ้ยการจัดบ้านให้โปร่ง โล่ง ข้าวของถูกจัดอย่างเรียบร้อยสะอาดตาจะช่วยต้อนรับพลังงานดี ๆ เข้ามาหมุนเวียนในบ้าน แต่หากบ้านมีข้าวของวางอย่างเกะกะไม่เป็นระเบียบก็จะทำให้เป็นอุปสรรคการไหลเวียนของพลังงานดี เพื่อต้อนรับพลังงานที่ดีสิ่งสำคัญเจ้าของบ้านต้องคอยเช็ดกวาดบ้านเรือนให้สะอาดอยู่เสมอ
บ้านแต่ละทิศ มีความหมายทางฮวงจุ้ยอย่างไร และควรเน้นการตกแต่งแบบไหน ?
1. ฮวงจุ้ยบ้านทิศเหนือ
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : เสริมพลังงานด้านการอาชีพธุรกิจการค้า
การตกเเต่งที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ย : เน้นเฟอร์นิเจอร์สีขาว เเละฟ้า เสริมด้วยไม้มงคลเเละหลอดไฟโทนสว่างเย็น หรือวัตถุทรงกลม ทรงโค้ง เพื่อเสริมอาชีพการงาน การค้าขาย
2. ฮวงจุ้ยบ้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย :เสริมพลังงานด้านความรู้และวิสัยทัศน์
การตกเเต่งที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ย : เน้นเฟอร์นิเจอร์สีขาว เเละฟ้า เสริมด้วยไม้มงคลเเละหลอดไฟโทนสว่างเย็น หรือวัตถุทรงกลม ทรงโค้ง เพื่อเสริมอาชีพการงาน การค้าขาย
3. ฮวงจุ้ยบ้านทิศตะวันออก
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : เสริมพลังงานด้านครอบครัว ความสามัคคีของคนในบ้าน
การตกเเต่งที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ย : เน้นเฟอร์นิเจอร์สีขาว เเละฟ้า เสริมด้วยไม้มงคลเเละหลอดไฟโทนสว่างเย็น หรือวัตถุทรงกลม ทรงโค้ง เพื่อเสริมอาชีพการงาน การค้าขาย
4. ฮวงจุ้ยบ้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : เสริมพลังงานด้านความมั่นคง ร่ำรวย
การตกเเต่งที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ย : เน้นเฟอร์นิเจอร์สีขาว เเละฟ้า เสริมด้วยไม้มงคลเเละหลอดไฟโทนสว่างเย็น หรือวัตถุทรงกลม ทรงโค้ง เพื่อเสริมอาชีพการงาน การค้าขาย
5. ฮวงจุ้ยบ้านทิศใต้
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : เสริมพลังงานด้านชื่อเสียง การยอมรับทางสังคม
การตกเเต่งที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ย : เน้นเฟอร์นิเจอร์สีขาว เเละฟ้า เสริมด้วยไม้มงคลเเละหลอดไฟโทนสว่างเย็น หรือวัตถุทรงกลม ทรงโค้ง เพื่อเสริมอาชีพการงาน การค้าขาย
6. ฮวงจุ้ยบ้านทิศตะวันตกเฉียงใต้
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : เสริมพลังงานด้านความอุปถัมภ์ ผู้ช่วยเหลือ ปกป้องคุ้มครอง
การตกเเต่งที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ย : เน้นเฟอร์นิเจอร์สีขาว เเละฟ้า เสริมด้วยไม้มงคลเเละหลอดไฟโทนสว่างเย็น หรือวัตถุทรงกลม ทรงโค้ง เพื่อเสริมอาชีพการงาน การค้าขาย
7. ฮวงจุ้ยบ้านทิศตะวันตก
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : เสริมพลังงานด้านบริวาร เพื่อนพ้อง เเละบุตร
การตกเเต่งที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ย : เน้นเฟอร์นิเจอร์สีขาว เเละฟ้า เสริมด้วยไม้มงคลเเละหลอดไฟโทนสว่างเย็น หรือวัตถุทรงกลม ทรงโค้ง เพื่อเสริมอาชีพการงาน การค้าขาย
8. ฮวงจุ้ยบ้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : เสริมพลังงานด้านความรักและความสัมพันธ์
การตกเเต่งที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ย : เน้นเฟอร์นิเจอร์สีขาว เเละฟ้า เสริมด้วยไม้มงคลเเละหลอดไฟโทนสว่างเย็น หรือวัตถุทรงกลม ทรงโค้ง เพื่อเสริมอาชีพการงาน การค้าขาย
สิ่งที่ควรระวังที่จะทำให้บ้าน ผิดหลักฮวงจุ้ย
1. นาฬิกาตาย
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : ในทางฮวงจุ้ยบอกเอาไว้ว่า ไม่ควรเก็บสิ่งของที่พังเสียหายเอาไว้ในบ้าน โดยเฉพาะนาฬิกาที่ตายแล้ว เพราะมันจะสื่อถึงการเสียชีวิต และอาจจะนำมาซึ่งการสูญเสียภายในบ้าน ถ้าไม่อยากโยนทิ้งก็รีบซ่อมซะ
2. ประตูสีดำ
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : แม้เทรนด์การแต่งบ้านด้วยประตูสีดำกำลังมาแรง แต่ในทางฮวงจุ้ยกลับหมายถึงประตูที่จะนำพามาซึ่งความโชคร้าย เป็นประตูที่คอยเปิดต้อนรับสิ่งไม่ดีให้เข้ามาในบ้าน ยกเว้นถ้าหน้าประตูบ้านหันไปทางทิศเหนือพอดิบพอดีก็ไม่มีปัญหาอะไรที่น่ากังวล
3. กระจก
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : กระจกเป็นของใช้ที่จำเป็นชิ้นหนึ่งในบ้านเลยก็ว่าได้ แต่ในทางฮวงจุ้ยนั้นไม่ว่าจะเป็นกระจกดีหรือกระจกแตก ล้วนสื่อความหมายในทางลบทั้งสิ้น โดยมีความเชื่อกันมาว่ากระจกสามารถดูดวิญญาณทำให้คนในบ้านเจ็บไข้ได้ป่วยและล้มตายได้
4. ปฏิทินเก่า
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : ข้อนี้ไม่ได้หมายความถึงปฏิทินเก่าเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงปฏิทินที่แสดงวัน เดือน และปี ที่ผิดไปจากปัจจุบันอีกด้วย เป็นการสะท้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่าน ๆ มาในอดีต ทำให้เกิดผลกระทบในทางลบกับชีวิตของคนในบ้าน
5. จานชามเเตก
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : ต่อให้เสียดายแค่ไหนก็ควรโยนทิ้ง เพราะการเก็บจาน-ชามที่แตกหรือชำรุดเสียหายเหล่านี้เอาไว้ในบ้านหรือนำกลับมาใช้งาน เท่ากับว่าเป็นการตอกย้ำและสะกดจิตใต้สำนึกของเราให้เปิดรับแต่เรื่องแย่ ๆ เข้ามาในชีวิตและบ้านของเราเอง
6. ต้นไม้มีหนาม
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : ต้นไม้มีหนามอย่าง ต้นไม้ตระกูลกระบองเพชรและพืชชนิดอื่น ๆ ยกเว้นกุหลาบนั้น ไม่ควรนำมาปลูกเอาไว้ในบ้าน หรือนำมาประดับตกแต่งภายในบ้านโดยเด็ดขาด เพราะตามหลักฮวงจุ้ยถือว่าต้นไม้เหล่านี้นำมาซึ่งพลังงานด้านลบและความโชคร้าย
7. ต้นไม้ที่ตายแล้ว
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากพอที่จะดูแลต้นไม้ก็ไม่ควรเลี้ยง เพราะถ้าปล่อยให้มันเหี่ยวแห้ง ขาดน้ำ และยืนต้นตายอยู่ภายในบ้าน ก็เท่ากับว่าเป็นการเปิดทางให้สิ่งไม่ดีและความโชคร้ายก้าวเข้ามาในชีวิต
8. ผนังสีเขียว
ความหมายตามหลักฮวงจุ้ย : หลายคนอาจจะตกใจว่าสีเขียวเป็นสีธรรมชาติ จะมีความหมายถึงสิ่งอัปมงคลได้อย่างไร ซึ่งต้องเท้าความไปในอดีตที่มีการนำสารหนูมาทาผนังให้เป็นสีเขียว และเมื่อผนังเริ่มแห้ง สารที่ทาไปจะปล่อยก๊าซพิษออกมาเพื่อฆ่าคน ดังนั้นจึงเกิดความเชื่อที่ว่าผนังสีเขียวเป็นผนังอัปมงคลนั่นเอง
สรุปแนวทางการ จัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
การที่เราจะปรับเเต่ง เเละจัดระเบียบบ้านของเราให้เป็นไปตามหลักฮวงจุ้ยนั้นเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ง่ายเลย เพราะการเเต่งบ้านให้เป็นไปตามหลักฮวงจุ้ยนั้นค่อนข้างจะมีรายละเอียดที่เยอะนั่นเอง ดังนั้นสิ่งที่เเอดเเนะนำก็คือเราค่อยๆทำไปครับ ทำทีละมุมของห้อง ค่อยๆปรับเเต่งไปเรื่อยๆไม่ต้องปรับเเต่งทีเดียวทั้งหมดเพราะว่าถ้าเราไม่รีบไม่เร่งทำจะทำให้เราเก็บรายละเอียดของเเต่ละมุมของห้องได้ดีกว่านั่นเอง ซึ่งในวันนี้หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับความรู้ที่ดี เเละสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง ในการเเต่งห้องของเพื่อนๆเอง ถ้าเพื่อนๆต้องการอยากติดตามบทความดีๆเเเบบนี้อีกเพื่อนๆสามารถติดตามพวกเราได้ทางหน้าเวปไซต์เพื่อที่จะสามารถอ่านบทความที่น่าสนใจได้ทุกวันนั่นเองครับ