บิ้วอินผนังทีวี กลายเป็นหัวใจสำคัญของการตกแต่งบ้านสไตล์หรูหรายุคใหม่ โดยเฉพาะในบ้านแบบ Double Volume ที่มีเพดานสูงโปร่ง เปิดพื้นที่ให้การออกแบบได้อย่างเต็มที่ ผนังทีวีจึงไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับวางหน้าจออีกต่อไป แต่ยังกลายเป็นผลงานศิลปะที่ช่วยเสริมความอลังการและยกระดับบรรยากาศของบ้านให้ดูโอ่อ่า ทันสมัย และมีรสนิยมอย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเลือกใช้วัสดุหรูอย่างหินอ่อน ไม้จริงลายสวย หรือกระจกสะท้อนแสง ก็ต่างช่วยขับเน้นเส้นสายของดีไซน์โมเดิร์นให้เด่นชัดยิ่งขึ้น เติมเต็มภาพลักษณ์บ้านให้สมบูรณ์แบบในทุกมุมมอง ซึ่งวันนี้ SPS HOME DESIGN จะมานำเสนอ 10 ไอเดียผนังทีวีบิ้วอินสไตล์โมเดิร์นในบ้าน Double Volume สุดหรู!! ที่คุณไม่ควรพลาดครับ
บ้าน Double Volume คืออะไร?
“Double Volume” (ดับเบิ้ลวอลุ่ม) คือคำที่ใช้เรียก บ้านที่มีความสูงของฝ้าเพดานมากกว่าบ้านทั่วไป โดยเฉพาะในโถงกลางหรือห้องรับแขก ความสูงมักจะยาวจากชั้นล่างไปจนถึงชั้นบนแบบไม่แบ่งเพดาน ทำให้เกิด พื้นที่แนวตั้งที่โล่ง โปร่ง สูงสง่า เหมือนเวลาที่เราเดินเข้าไปแล้วต้องแหงนหน้ามองขึ้นไปนั่นเอง
โดยปกติ บ้านทั่วไปอาจมีความสูงฝ้าเพียง 2.6-3 เมตร แต่บ้าน Double Volume อาจมีความสูง ตั้งแต่ 5-6 เมตร หรือมากกว่านั้น เพื่อเน้นความโอ่อ่า หรูหรา และทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เต็มที่มากขึ้น ผ่านกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเลยทีเดียว
10 ไอเดีย บิ้วอินผนังทีวี ในบ้าน Double Volume สุดปัง!!
10 ข้อดีในการ บิ้วอินผนังทีวี ในบ้าน Double Volume
1.การ บิ้วอินผนังทีวี เติมเต็มความอลังการให้พื้นที่สูงโปร่ง
บ้าน Double Volume มีความสูงของฝ้าเพดานมากกว่าปกติ การบิ้วอินผนังทีวีแบบออกแบบพิเศษช่วย “เชื่อมโยง” พื้นที่แนวตั้งให้ดูกลมกลืน ไม่ปล่อยให้ผนังดูโล่งเกินไป ดีไซน์แนวตั้งที่ลากยาวจากพื้นถึงฝ้า ช่วยขับให้บ้านดูยิ่งใหญ่และหรูหราแบบจับต้องได้
2. การ บิ้วอินผนังทีวี ช่วยเพิ่มความมีมิติให้ผนังโล่งดูน่าสนใจ
ผนังขนาดใหญ่ในบ้าน Double Volume หากปล่อยว่างไว้ อาจทำให้ดูจืดชืด แต่การบิ้วอินด้วยวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ หิน กระจก หรือผิวเมทัลลิก ช่วยสร้าง Layer และ Texture บนผนัง ทำให้มุมนี้กลายเป็นจุดเด่นที่มีมิติ น่าสนใจ และมีชีวิตชีวามากขึ้นทันที
3. ซ่อนงานระบบได้แนบเนียน
บ้านที่หรูหรา ย่อมต้องการความเรียบร้อยไม่มีสายไฟระโยงระยาง การบิ้วอินผนังทีวีจึงเป็นโอกาสที่ดีในการซ่อนสายไฟ, สายลำโพง, หรืองานระบบต่างๆ ไว้ภายในผนังอย่างเรียบเนียน ทำให้บ้านดูสะอาดตาและเป็นระเบียบในทุกมุมมอง
4. รองรับการตกแต่งด้วยไฟซ่อนสุดหรู
บิ้วอินผนังทีวีในบ้าน Double Volume สามารถติดตั้งไฟ LED แบบซ่อน หรือไฟวอลล์ไลท์เพื่อเน้นเส้นสายของดีไซน์ ช่วยเพิ่มความนุ่มนวล อบอุ่น และหรูหราให้กับพื้นที่กลางบ้าน โดยเฉพาะเวลากลางคืน ที่ไฟซ่อนเหล่านี้จะเปลี่ยนบรรยากาศได้อย่างน่าอัศจรรย์
5. ช่วยกำหนดโซนการใช้งานอย่างเป็นสัดส่วน
พื้นที่ขนาดใหญ่ของ Double Volume อาจทำให้ห้องดูโล่งจนขาดการจัดสรร การวางผนังทีวีบิ้วอินที่มีขนาดพอดีจะช่วยแบ่งโซนการใช้งาน เช่น พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับแขก หรือมุมพักผ่อน ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว โดยไม่ต้องใช้ผนังก่อแบ่งจริงให้เสียความโปร่ง
6. ยกระดับความพรีเมียมแบบโรงแรมหรู
การออกแบบผนังทีวีให้เนี๊ยบ บวกกับการเลือกวัสดุคุณภาพสูง เช่น หินอ่อนลายสวย หรือลามิเนตไฮกลอสสีเข้ม สามารถยกระดับบ้านให้ดูพรีเมียมเทียบเท่าโรงแรมหรือคอนโดลักชัวรี่ พร้อมเสริมภาพลักษณ์เจ้าของบ้านให้ดูมีรสนิยมอย่างเหนือชั้น
7. ออกแบบให้รองรับพื้นที่เก็บของเพิ่มเติม
ด้วยขนาดผนังที่ใหญ่ เราสามารถบิ้วอินชั้นเก็บของ ตู้ซ่อน หรือบานเปิดต่างๆ ไว้ได้อย่างแนบเนียน เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานโดยไม่ทำลายความสวยงามของพื้นที่ เช่น บิ้วอินชั้นวางหนังสือ หรือซ่อนลำโพงโฮมเธียเตอร์ได้อย่างแนบเนียน
8. ขยายความต่อเนื่องของดีไซน์ทั้งชั้นล่างและชั้นบน
บ้าน Double Volume มีพื้นที่เปิดโล่งสองชั้น การทำผนังทีวีบิ้วอินช่วยสร้างความต่อเนื่องของงานดีไซน์ ตั้งแต่ชั้นล่างขึ้นไปถึงชั้นบน ให้บ้านดูไหลลื่น มีเอกภาพ และช่วยให้การตกแต่งภายในทั้งหมดสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว
9. รองรับการติดตั้งจอขนาดใหญ่ได้อย่างปลอดภัย
สำหรับบ้านที่ต้องการจอทีวีขนาดใหญ่พิเศษ การบิ้วอินผนังจะช่วยรองรับน้ำหนัก และกระจายแรงได้ดีกว่าการแขวนกับผนังปกติ โดยยังสามารถออกแบบให้มีช่องระบายอากาศ หรือระบบระบายความร้อนได้ ช่วยยืดอายุการใช้งานทีวีได้อีกด้วย
10. เพิ่มมูลค่าให้กับตัวบ้าน
บ้านที่มีการออกแบบผนังทีวีบิ้วอินอย่างดี โดยเฉพาะในโครงการหรู Double Volume สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านได้จริง เพราะการบิ้วอินเหล่านี้เป็นงานตกแต่งที่เจ้าของใหม่สามารถใช้งานต่อได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาทำใหม่ แถมยังสร้างความประทับใจแรกเห็นเมื่อมีการรีเซลล์หรือปล่อยเช่าอีกด้วย
บทความน่าสนใจเพิ่มเติม :
10 ข้อควรรู้ก่อนเริ่ม บิ้วอินผนังทีวี ในบ้านของคุณ
1. เช็กขนาดผนังและสัดส่วนให้เหมาะสมกับพื้นที่
ก่อนตัดสินใจบิ้วอินผนังทีวี สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การวัดขนาดพื้นที่อย่างละเอียด เพราะผนังทีวีที่ดีควรสัมพันธ์กับขนาดห้อง ไม่เล็กจนดูด้อย หรือใหญ่จนทำให้ห้องอึดอัด โดยเฉพาะถ้าเป็นห้องรับแขกแบบ Double Volume หรือห้องนอนที่มีพื้นที่โปร่ง การออกแบบต้องให้ผนังทีวี เชื่อมต่อกับมิติแนวตั้ง ได้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ควรคำนึงถึงระยะดูทีวีที่เหมาะสม เช่น ถ้าทีวีขนาด 65 นิ้ว ควรมีระยะห่างประมาณ 2.5-3 เมตร เพื่อความสบายตาขณะรับชมด้วยครับ
2. เลือกสไตล์การออกแบบให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น
การบิ้วอินผนังทีวีไม่ใช่แค่เรื่องการวางทีวีบนผนัง แต่เป็นการ กำหนดอารมณ์ของห้อง ไปในตัว ไม่ว่าจะเลือกสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ มินิมอล หรือคอนเทมโพรารี ก็ควรกำหนดทิศทางให้ชัดเจนตั้งแต่เริ่ม เพื่อให้งานออกมาเป็นเอกภาพ ไม่ปะปนหลายแนวจนขาดเสน่ห์ นอกจากนี้การเลือกโทนสีและวัสดุ เช่น ไม้ลายธรรมชาติ หินอ่อน กระจก หรือผิวเมทัลลิก ก็ควรสอดคล้องกับสไตล์ที่วางไว้ด้วย
3. เลือกวัสดุที่เหมาะสมทั้งเรื่องความสวยงามและการใช้งานในการ บิ้วอินผนังทีวี
วัสดุสำหรับผนังทีวีควรมีทั้งความสวยและความทนทาน เพราะเป็นจุดที่ถูกใช้งานและมองเห็นบ่อยมาก เช่น ถ้าเน้นหรูหรา อาจเลือกใช้แผ่นหินอ่อนแท้หรือหินอ่อนสังเคราะห์ ถ้าเน้นอารมณ์อบอุ่น ก็อาจเลือกไม้จริงหรือไม้ลามิเนตคุณภาพสูง และอย่าลืมพิจารณาความสามารถในการดูแลรักษาด้วย เช่น ผิวสัมผัสที่เช็ดทำความสะอาดง่าย หรือวัสดุที่ทนความร้อนจากเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ดี เพื่อให้ผนังทีวีของคุณสวยเหมือนใหม่ไปได้นานๆ
4. คิดเผื่อการเดินระบบสายไฟตั้งแต่แรก
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่หลายคนมักมองข้าม คือการวางแผนเรื่อง สายไฟ สายสัญญาณ และปลั๊กไฟ การบิ้วอินผนังทีวีควรวางตำแหน่งปลั๊กให้พร้อมใช้งาน และซ่อนสายต่างๆ ไว้อย่างแนบเนียน เพื่อให้ผนังดูสะอาดตา ไม่มีสายไฟห้อยระโยงระยางให้เสียบรรยากาศ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเดินสายไฟฝังผนัง หรือวางท่อร้อยสายให้พร้อมตั้งแต่ขั้นตอนโครงสร้างเลย จะช่วยให้ใช้งานสะดวกและปลอดภัยในระยะยาวครับ
5. อย่าลืมวางแผนเรื่องระบบเสียงและอุปกรณ์เสริม
ถ้าคุณตั้งใจให้ผนังทีวีเป็นศูนย์กลางความบันเทิงในบ้าน อย่าลืมเผื่อพื้นที่สำหรับลำโพง ซาวด์บาร์ หรือเครื่องเสียงด้วย ผนังบิ้วอินควรมีจุดวางอุปกรณ์ที่ดีไซน์มาอย่างลงตัว หรือเผื่อช่องระบายอากาศสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกิดความร้อน เช่น เครื่องเล่นเกม, เครื่องรับสัญญาณ, Router เป็นต้น เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและดูดีไม่มีสะดุด
6. ดีไซน์ฟังก์ชันเก็บของให้ตอบโจทย์การใช้งาน
ผนังทีวีที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องใช้งานได้จริง ลองวางแผนเพิ่มตู้เก็บของหรือชั้นโชว์ภายในบิ้วอิน เช่น ช่องเก็บรีโมต, หนังสือ, ของตกแต่ง หรือแม้แต่ตู้เก็บของใช้เบาๆ อย่างพวกเครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือคอนโซลเกม ซึ่งจะช่วยให้ห้องเป็นระเบียบและน่าอยู่มากขึ้น โดยการออกแบบตู้เก็บของก็ควรสอดคล้องกับสไตล์หลักของห้องด้วยนะครับ
7. วางแผนเรื่องแสงไฟให้สร้างบรรยากาศ
การติดไฟ LED แบบซ่อนในแนวบิ้วอิน เช่น ไฟใต้ชั้นวาง ไฟขอบบนขอบล่าง หรือไฟหลังทีวี (Ambient Lighting) จะช่วยเสริมมิติให้ผนังดูโดดเด่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาก นอกจากเรื่องสวยงามแล้ว ไฟส่องสว่างที่พอดีจะช่วยลดอาการล้าตาจากการดูทีวีในห้องมืดๆ อีกด้วย การเลือกโทนแสงก็ควรคำนึงถึงบรรยากาศ เช่น ถ้าอยากให้ห้องดูอบอุ่น เลือกแสงสีวอร์มไวท์ (Warm White) จะให้ฟีลลิ่งที่ดีครับ
8. คำนึงถึงการทำความสะอาดและดูแลรักษา
ในชีวิตประจำวัน ผนังทีวีอาจมีคราบฝุ่น คราบมือ หรือคราบต่างๆ เกิดขึ้นได้ วัสดุที่เลือกใช้ควรดูแลรักษาง่าย เช่น ผิวไฮกลอสที่เช็ดออกง่าย ไม้เคลือบผิวป้องกันคราบ หรือกระจกที่ป้องกันรอยนิ้วมือได้ นอกจากนี้ควรออกแบบให้มีช่องซ่อนสายไฟหรือฝาตู้ที่เปิดง่าย เพื่อให้สามารถถอดทำความสะอาดหรือซ่อมแซมได้สะดวกในอนาคต
9. ควบคุมงบประมาณในการ บิ้วอินผนังทีวี ตั้งเเต่เเรก
การบิ้วอินผนังทีวีมีระดับราคาตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลายแสนบาท ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกและความซับซ้อนของดีไซน์ ดังนั้นก่อนเริ่มโครงการ ควรกำหนดงบประมาณที่ชัดเจน และแจ้งให้ดีไซเนอร์หรือช่างรู้ เพื่อช่วยเลือกวัสดุและรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดกับงบของคุณ และหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายบานปลายที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง
10. เลือกทีมงานมืออาชีพที่เชื่อถือได้
สุดท้ายแต่สำคัญที่สุด คือการเลือกทีมบิ้วอินที่มีประสบการณ์ มีผลงานจริงให้ชม และสามารถให้คำแนะนำที่ตรงกับสไตล์ของคุณได้ เพราะการบิ้วอินผนังทีวีเป็นงานที่ต้องการทั้งฝีมือเชิงช่างและการออกแบบที่ลงตัว เลือกทีมที่สามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลา วัสดุตรงสเปก และใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพราะนั่นจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผนังทีวีของคุณออกมา “สวยสมบูรณ์แบบ” ตามที่หวังครับ
บทความน่าสนใจเพิ่มเติม :
10 เทคนิค บิ้วอินบ้าน ให้สวยทันสมัย ฟังก์ชันครบ ใช้งบไม่บาน !!
HOW TO เลือกบริษัทมา บิ้วอินผนังทีวี ให้ออกมาสวยตรงใจคุณ
1. ดูผลงานเก่าในการ บิ้วอินผนังทีวี ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ
ก่อนจะเลือกบริษัทมาเนรมิตผนังทีวีในฝัน ต้องเริ่มจาก ดูผลงานเก่า (Portfolio) ของบริษัทนั้นๆ ก่อนเสมอ ไม่ใช่แค่ดูผ่านๆ แต่ควรดูให้ลึก ทั้งรูปแบบดีไซน์, ความประณีตของงานติดตั้ง, และความหลากหลายของสไตล์ ว่ามีงานสวยๆ ที่ใกล้เคียงกับสไตล์ที่เราต้องการไหม เช่น ถ้าอยากได้สไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ ก็ควรหาบริษัทที่ถนัดทำแนวนี้โดยเฉพาะ จะได้งานที่ “ตรงใจ” มากที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงเอางานของเราเป็นสนามทดลองครับ
2. เช็กวัสดุที่ใช้ในการ บิ้วอินผนังทีวี ให้แน่ใจว่าคุณภาพดีจริง
วัสดุเป็นหัวใจสำคัญของงานบิ้วอิน! อย่าดูแค่ดีไซน์อย่างเดียว ต้องสอบถามว่า บริษัทนั้นๆ ใช้วัสดุอะไรบ้าง เช่น ไม้อัดอะไร, หน้าบานเคลือบอะไร, ฟอยล์กันรอยไหม, หรือใช้หินจริงหรือหินเทียม ฯลฯ เพราะวัสดุจะส่งผลโดยตรงต่อความสวย ทน และอายุการใช้งานของผนังทีวีเรา การเลือกบริษัทที่ใช้วัสดุดีตั้งแต่แรก คือการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่าแน่นอนครับ
3. พูดคุยรายละเอียดก่อนเริ่มทำงานเสมอ
อย่าแค่ขอดูราคาคร่าวๆ แล้วตกลงทันทีนะครับ ต้องมีการ นัดพูดคุยรายละเอียด ตั้งแต่ไอเดียที่อยากได้, ความต้องการพิเศษ, งบประมาณที่ตั้งไว้ และความคาดหวังเรื่องการใช้งาน เช่น อยากซ่อนสายไฟ อยากเพิ่มไฟซ่อน อยากได้ที่วางของเพิ่ม ฯลฯ การสื่อสารตรงนี้จะช่วยลดความผิดพลาด และทำให้บริษัทตีโจทย์ได้ตรงเป๊ะมากขึ้น ไม่ต้องแก้แบบหลายรอบเสียเวลา
4. ขอใบเสนอราคาละเอียด (BOQ) ให้ชัดเจน
เวลาขอใบเสนอราคา อย่าขอแบบสรุปรวมยอดเดียว! ต้องขอ ใบเสนอราคาแบบละเอียด (BOQ – Bill of Quantity) โดยระบุไปเลยว่า ใช้วัสดุอะไร พื้นที่กี่ตารางเมตร มีอะไรแถมบ้าง เช่น ไฟ LED, ระบบซ่อนสาย, ปลั๊กไฟ ฯลฯ และต้องมีการระบุราคาแยกให้เห็นชัดเจน จะได้เทียบกับบริษัทอื่นได้ถูก และยังเป็นหลักฐานอ้างอิงในกรณีที่เกิดปัญหาด้วยครับ
5. ดูรีวิวหรือถามจากลูกค้าเก่า
รีวิวจากลูกค้าเก่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยชั้นดี ลองเสิร์ชดูรีวิวตาม Google, Facebook หรือสอบถามตรงๆ เลยว่ามีลูกค้าเก่าให้ติดต่อสอบถามไหม ถ้าเป็นบริษัทที่มีความโปร่งใสและมั่นใจในผลงาน เค้ามักจะยินดีให้ข้อมูลตรงนี้ และการได้ฟังประสบการณ์ตรงจากคนที่เคยจ้างจริง จะช่วยให้เราเห็นทั้งข้อดี-ข้อเสียที่อาจไม่ได้บอกกันตอนนำเสนอครับ
6. เลือกบริษัทที่มีทีมออกแบบภายในด้วย
ถ้าคุณอยากได้ผนังทีวีที่ ทั้งสวยและลงตัวกับสไตล์ห้อง, การเลือกบริษัทที่มีทีม Interior Designer อยู่ในทีมงานเลย จะช่วยให้ทุกอย่างไหลลื่นมากขึ้น เพราะดีไซเนอร์จะช่วยดูสัดส่วน, สี, วัสดุ และองค์ประกอบทั้งหมดให้สัมพันธ์กับพื้นที่จริง ไม่ใช่ออกแบบแต่ผนังสวยๆ แต่พอทำเสร็จแล้วดันไม่เข้ากับห้อง อันนี้เจ็บใจมากๆ ครับ
7. อย่าลืมถามเรื่องระยะเวลาทำงานที่ชัดเจน
การบิ้วอินโดยเฉพาะในบ้านที่ต้องใช้งานอยู่แล้ว เวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องสอบถามเรื่อง ระยะเวลาก่อสร้าง ติดตั้ง และเก็บงาน ให้ชัด เช่น ใช้เวลากี่วัน ส่งมอบงานวันไหน และมีเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่น ถ้าเลทจะมีค่าปรับไหม เพื่อป้องกันปัญหาโดนเลื่อนงานยาวจนกระทบชีวิตประจำวันของเรา
8. ตรวจสัญญาให้ละเอียดก่อนเซ็น
อย่ารีบร้อนเซ็นสัญญาเด็ดขาด ต้องอ่าน เงื่อนไขสัญญา อย่างละเอียด เช่น การรับประกันงานบิ้วอิน, เงื่อนไขการชำระเงิน (มัดจำกี่ %, งวดจ่ายเป็นอย่างไร), สิ่งที่รวมและไม่รวมในราคา และขอบเขตงานที่รับผิดชอบ เพราะสัญญาคือเกราะป้องกันสำคัญที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายแฟร์และเคลียร์กันตั้งแต่ต้นครับ
9. เลือกบริษัทที่มีบริการหลังการขายดี
แม้ว่างานบิ้วอินจะทำเสร็จแล้ว แต่สิ่งที่ควรคิดถึงคือ บริการหลังการขาย เช่น ถ้าเกิดรอยแตก, สีหลุด, วัสดุเสียหายเล็กน้อย บริษัทมีทีมมาแก้ไขให้ไหม และมีระยะเวลารับประกันเท่าไหร่ การเลือกบริษัทที่ให้การรับประกันและบริการหลังการขายที่ดี จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้ระยะยาวครับ
10. อย่าเลือกเพราะราคาถูกที่สุดเพียงอย่างเดียว
สุดท้าย อย่าตัดสินใจเลือกบริษัทจาก “ราคาถูกที่สุด” อย่างเดียว เพราะการบิ้วอินที่สวย แข็งแรง และใช้งานได้ดี มันต้องมีต้นทุนของมัน ทั้งวัสดุที่ดี ช่างฝีมือที่มีประสบการณ์ และการควบคุมคุณภาพที่ใส่ใจ ถ้าเจอบริษัทที่ถูกผิดปกติ ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่ามีอะไรที่เค้า “ลด” ไปหรือเปล่า เช่น ลดคุณภาพวัสดุ ลดความพิถีพิถันในการทำงาน ฯลฯ เพราะสุดท้ายแล้ว “คุณภาพ” คือสิ่งที่อยู่กับบ้านคุณไปอีกนานนั่นเองครับ
ชมผลงานบิ้วอินบ้านของเราได้ที่ :
10 ไอเดีย บิ้วอินผนังทีวี สไตล์โมเดิร์นในบ้าน Double Volume
ในบ้านสไตล์ Double Volume ที่มีเพดานสูงโปร่งและพื้นที่โอ่อ่า การเลือกบิ้วอินผนังทีวีจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดอารมณ์ของห้องโดยรวมได้เลยครับ ไอเดียแรกที่น่าสนใจคือ การใช้วัสดุหินอ่อนลายธรรมชาติแบบเต็มแผ่น (Full Slab) ปูยาวจรดฝ้าเพดาน เพื่อโชว์ลวดลายที่หรูหราและทำให้พื้นที่ดูสูงโปร่งอย่างทรงพลัง ถัดมาคือไอเดียการใช้ไม้ลายเส้นแนวตั้ง (Vertical Wood Slats) ติดตั้งสลับจังหวะกับผนังเรียบ เพื่อเพิ่มมิติและทำให้ผนังทีวีดูมีชีวิตชีวามากขึ้น อีกแนวหนึ่งคือการซ่อนไฟซ่อน (Concealed LED Strip) ไว้หลังผนังหรือกรอบทีวี ช่วยสร้างแสงเงาที่นุ่มนวล ละมุนตา และเสริมความลึกให้กับพื้นที่ได้อย่างน่าทึ่ง อีกทั้งยังมีการใช้กระจกเงาสีเทาหรือกระจก Bronze ติดบางส่วน เพื่อสะท้อนภาพให้บ้านดูใหญ่และสไตล์ล้ำขึ้นแบบไม่รู้ตัว รวมไปถึงการทำชั้นวางลอยตัว (Floating Shelf) ติดผนังแบบบางเฉียบ โดยใช้วัสดุสีเมทัลลิคหรือไม้สีเข้ม เพื่อตอบโจทย์บ้านที่ต้องการความทันสมัยแต่ยังอบอุ่น
ในเรื่องของโทนสี การเลือกใช้สีโทนเข้มเรียบหรู เช่น ดำด้าน (Matte Black), เทาเข้ม หรือสีน้ำตาลโกโก้ ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่เหมาะกับผนังทีวีในบ้าน Double Volume สุดๆ เพราะช่วยขับให้เฟอร์นิเจอร์โดยรอบดูโดดเด่นแบบไร้กาลเวลา อีกหนึ่งเทคนิคที่กำลังมาแรงมากคือ การเล่นกับ Texture ต่างระดับ เช่น ใช้แผ่นไม้ฉลุลายเล็กๆ ติดเว้นระยะห่างสลับกับแผ่นเรียบ เพื่อให้เกิดเงาสะท้อนและมิติที่ไม่ซ้ำใคร หรือการทำ Built-in Wall Panel แบบมีเส้นทองหรือโลหะบางๆ แทรกตามรอยต่อ ก็ดูหรูหราขึ้นทันตา เหมาะกับคนที่อยากให้ผนังทีวีดูแพงแต่ไม่เยอะจนรกสายตา นอกจากนี้ยังมีการออกแบบผนังทีวีให้รวมฟังก์ชันอื่นๆ ไว้ด้วย เช่น ซ่อนตู้เก็บของ ตู้โชว์งานศิลปะ หรือวางของสะสมในตัวเดียวกัน เพื่อให้ทุกตารางนิ้วมีประโยชน์สูงสุด และสร้างความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านสวยงามและการใช้งานจริง
สุดท้าย สำหรับบ้านที่อยากเน้นความโมเดิร์นขั้นสุด การบิ้วอินผนังทีวีให้ “เล่นเส้นสายเรขาคณิต” ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก เช่น การออกแบบเส้นเฉียง เส้นสี่เหลี่ยม หรือแพทเทิร์นกริด (Grid Pattern) เพื่อให้เกิดเส้นนำสายตาไปสู่เพดานสูงอย่างกลมกลืน ทั้งนี้ การเลือกวัสดุอย่างแผ่นลามิเนตไฮกลอส, ไม้จริงเคลือบด้าน หรือหินควอตซ์สวยๆ จะช่วยเสริมลุคให้บ้านดูพรีเมียมแบบสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้บางบ้านยังนิยมทำกรอบทีวีแบบ Minimal Frame หรือกรอบบางเฉียบสีเดียวกับผนัง เพื่อให้จอทีวีกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลป์โดยไม่แย่งซีนจากความโอ่อ่าโดยรวม และอย่าลืมเรื่องของระบบสายไฟ ต้องวางแปลนตั้งแต่แรกเพื่อซ่อนไว้ภายในผนังบิ้วอินอย่างแนบเนียน ทั้งหมดนี้คือ 10 ไอเดียที่จะช่วยให้ผนังทีวีของเพื่อนๆ ในบ้าน Double Volume ดูสวยสง่า เรียบหรู และเต็มไปด้วยพลังแห่งการออกแบบที่เหนือระดับอย่างแท้จริงครับ