6 แบบ หลังคาเมทัลชีท สุดฮิต และวิธีเลือกให้เหมาะสมกับบ้านของคุณ

- 10 แบบเคาน์เตอร์บาร์ในบ้านสุดหรู

หลังคาเมทัลชีท เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญของที่อยู่อาศัยยุคใหม่ เพราะแข็งแรง น้ำหนักเบา ติดตั้งได้สะดวก โดยลอนหลังคาเมทัลชีทก็ยังมีให้เลือกหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีรูปแบบและขนาดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อการระบายน้ำ และภาพรวมการตกแต่งบ้านนั่นเอง วันนี้ทางทีมงาน SPS HOME DESIGN ได้รวบรวบข้อมูล รวมแบบหลังคาเมทัลชีทยุคใหม่ เลือกแบบไหนดี ให้เหมาะกับบ้าน สวยงาม เเละลงตัว มาให้ชมดังนี้นะครับ


6 แบบ หลังคาเมทัลชีท ยุคใหม่ เลือกยังไงให้เข้ากับบ้าน ดูดี และใช้งานได้นาน

หลังคาเมทัลชีทถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับบ้านยุคใหม่ เพราะมีความแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา และติดตั้งง่าย แต่รู้หรือไม่ว่าเมทัลชีทนั้นมีหลายลอน หลายรูปแบบ แต่ละแบบก็มีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหาหลังคาเมทัลชีทที่เหมาะกับบ้านของตัวเอง ลองมาดู 6 แบบยอดนิยม พร้อมจุดเด่นของแต่ละประเภทกันเลย!

เมทัลชีทลอนคลิปล็อก

1. เมทัลชีทลอนคลิปล็อก – แข็งแรง ลดปัญหารั่วซึม ติดตั้งง่าย

เมทัลชีทลอนคลิปล็อกมีจุดเด่นอยู่ที่เส้นลอนขนาดใหญ่และสูงถึง 39 มม. ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนได้มากกว่าหลังคาลอนปกติ ลดโอกาสเกิดการรั่วซึมจากการไหลย้อนกลับของน้ำ อีกทั้งยังใช้ระบบยึดแบบ “คลิปล็อก” แทนการยิงสกรูลงไปบนแผ่นหลังคา ทำให้ไม่มีรูเจาะ ลดความเสี่ยงของการรั่วซึมจากจุดยึด ตัวแผ่นยังออกแบบให้มีรอยต่อแบบตะเข็บคู่ ช่วยเสริมความแข็งแรง และทำให้ระบายน้ำได้ดีขึ้น

✅ เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการความทันสมัย สไตล์โมเดิร์น หรืออาคารขนาดใหญ่ที่ต้องการลดการรั่วซึม


เมทัลชีทลอนทีโมเนีย

2. เมทัลชีทลอนทีโมเนีย – ทนแรงลมได้ดี ระบายน้ำเยี่ยม

หลังคาเมทัลชีทแบบลอนทีโมเนียมีลักษณะลอนคล้ายคลื่นทะเล ทำให้สามารถกระจายแรงลมได้ดี ลดแรงปะทะจากพายุหรือฝนตกหนัก อีกทั้งยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของหลังคาในกรณีที่มีลมแรง ขนาดมาตรฐานของแผ่นจะอยู่ที่ 750 มม. และมีสันลอนสูง 24 มม. ความกว้างระหว่างสันอยู่ที่ 175 มม. ซึ่งช่วยให้ระบายน้ำได้ดีกว่าแบบลอนตื้น

เหมาะสำหรับ: บ้านที่อยู่ในพื้นที่ลมแรง หรือฝนตกหนักบ่อย เช่น บ้านริมทะเล หรือบ้านบนภูเขา


เมทัลชีทลอนสเปน

3. เมทัลชีทลอนสเปน – สวยคล้ายกระเบื้อง แต่เบาและติดตั้งง่ายกว่า

หากเพื่อนๆ ชอบความรู้สึกของหลังคากระเบื้อง แต่ต้องการความเบาและติดตั้งง่ายขึ้น เมทัลชีทลอนสเปนคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์! ลักษณะเด่นของลอนนี้คือการออกแบบให้มีโค้งมน ดูสวยงามเป็นระเบียบ และให้ความรู้สึกอบอุ่นคล้ายหลังคากระเบื้องดินเผาแบบสเปน มีสันลอนสูง 35 มม. และระยะห่างระหว่างสันลอน 125 มม.

เหมาะสำหรับ: บ้านสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน บ้านสไตล์ยุโรป หรือบ้านที่ต้องการความหรูหรามีเอกลักษณ์


เมทัลชีทลอนดอกเหมย

4. เมทัลชีทลอนดอกเหมย – ดีไซน์โดดเด่น แข็งแรง ทนทาน

หลังคาเมทัลชีทลอนดอกเหมยเป็นอีกหนึ่งดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ด้วยลวดลายลอนที่แตกต่างจากลอนทั่วไป ตัวแผ่นมีลักษณะเป็นตะเข็บคู่ ทำให้แข็งแรงมากขึ้น มีความยาวมาตรฐาน 750 มม. สันลอนสูง 24 มม. และมีทั้งหมด 5 ลอน ความกว้างระหว่างสันอยู่ที่ 120 มม. จุดเด่นของลอนนี้คือช่วยป้องกันการรั่วซึมและรองรับน้ำฝนได้ดี

✅ เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการความแตกต่างและความแข็งแรงสูง


หลังคาเมทัลชีท ลอนหลังเต่า

5. หลังคาเมทัลชีท ลอนหลังเต่า – ลอนสูงช่วยไหลน้ำได้ดี ดูมีมิติ

เมทัลชีทลอนหลังเต่ามีลักษณะลอนที่โค้งนูนและดูมีมิติมากขึ้น ทำให้ช่วยระบายน้ำได้ดี ลดการสะสมของฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกบนหลังคา ขนาดมาตรฐานของลอนนี้อยู่ที่ 760 มม. สันลอนสูง 24 มม. และระยะห่างระหว่างสันอยู่ที่ 128 มม.

✅ เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการหลังคาที่ดูมีมิติ ไม่แบนเรียบเกินไป และต้องการลดการสะสมของฝุ่น


เมทัลชีทลอน 3 สันลอน

6. เมทัลชีทลอน 3 สันลอน – ระบายน้ำเร็ว เหมาะกับพื้นที่ฝนตกบ่อย

หลังคาเมทัลชีทแบบ 3 สันลอน เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ออกแบบมาให้เน้นเรื่องการระบายน้ำเป็นหลัก ด้วยลักษณะลอนสูง 30 มม. และระยะห่างระหว่างสันลอน 300 มม. ช่วยให้สามารถระบายน้ำฝนได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับบ้านที่อยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกชุก

✅ เหมาะสำหรับ: บ้านที่อยู่ในพื้นที่ฝนตกบ่อย และต้องการหลังคาที่สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว


เจาะลึกวิธีเลือก หลังคาเมทัลชีท ให้เหมาะกับบ้านของคุณ

การเลือกหลังคาเมทัลชีทไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังต้องคำนึงถึงการใช้งาน ความแข็งแรง และความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของบ้านด้วย ซึ่งเมทัลชีทแต่ละแบบก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน หากเลือกผิดอาจทำให้บ้านมีปัญหาน้ำรั่วซึม เสียงดังเวลาฝนตก หรือแม้กระทั่งอายุการใช้งานสั้นลง มาดูกันว่าแต่ละประเภทเหมาะกับบ้านแบบไหน และเพราะอะไรควรเลือกแบบนั้น

1. ถ้าอยากได้หลังคาที่แข็งแรง ป้องกันรั่วซึมได้ดี → เลือก “ลอนคลิปล็อก”

✅ เหตุผลที่ควรเลือก:

  • ใช้ระบบ “คลิปล็อก” แทนการยิงสกรู ทำให้ไม่มีรูเจาะที่อาจเป็นจุดเสี่ยงของการรั่วซึม
  • เส้นลอนสูง 39 มม. ช่วยให้รองรับน้ำฝนได้ดีขึ้น ป้องกันน้ำล้นขอบลอน
  • มีตะเข็บคู่ ช่วยเสริมความแข็งแรง และลดโอกาสที่น้ำจะไหลย้อนกลับ
  • โครงสร้างแข็งแรง ทนต่อแรงลมสูง ไม่ต้องกลัวปัญหาหลังคาปลิวจากลมพายุ

✅ เหมาะกับ:
บ้านที่ต้องการป้องกันการรั่วซึมสูงสุด เช่น บ้านในเขตที่ฝนตกหนักบ่อยๆ อาคารพาณิชย์ หรือโกดังเก็บของที่ต้องการความทนทาน


2. ถ้าอยู่ในพื้นที่ลมแรง หรือฝนตกหนักบ่อย → เลือก “ลอนทีโมเนีย”

✅ เหตุผลที่ควรเลือก:

  • ลอนคล้ายคลื่น ช่วยกระจายแรงปะทะของลม ลดโอกาสที่หลังคาจะสั่นไหวหรือเสียหายจากลมแรง
  • มีระยะห่างระหว่างลอน 175 มม. และสันลอนสูง 24 มม. ทำให้สามารถระบายน้ำฝนได้รวดเร็ว
  • ลดปัญหาน้ำขังหรือน้ำย้อนกลับไปใต้หลังคา

✅ เหมาะกับ:
บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ทะเล บนภูเขา หรือในเขตพายุเข้าเป็นประจำ


3. ถ้าอยากให้บ้านดูคล้ายกับมุงกระเบื้อง แต่ไม่อยากได้หลังคาหนักๆ → เลือก “ลอนสเปน”

✅ เหตุผลที่ควรเลือก:

  • ดีไซน์โค้งมน ดูหรูหรา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
  • ติดตั้งง่ายกว่าและเบากว่าหลังคากระเบื้อง ลดภาระโครงสร้างบ้าน
  • เหมาะสำหรับบ้านสไตล์ยุโรป หรือบ้านที่ต้องการลุคคลาสสิก

✅ เหมาะกับ:
บ้านสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน สไตล์ยุโรป หรือบ้านที่ต้องการความสวยงามแต่ยังคงน้ำหนักเบา


4. ถ้าอยากได้ดีไซน์ที่โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร → เลือก “ลอนดอกเหมย”

✅ เหตุผลที่ควรเลือก:

  • มีลวดลายที่แตกต่างจากหลังคาทั่วไป ให้ความรู้สึกแปลกใหม่และโดดเด่น
  • เป็นลอนที่ขึ้นรูปแบบตะเข็บคู่ แข็งแรง ทนทานกว่าหลังคาลอนปกติ
  • เหมาะสำหรับคนที่อยากให้หลังคาบ้านดูมีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร

เหมาะกับ:
บ้านที่ต้องการความแตกต่าง หรืออาคารที่อยากให้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ


5. ถ้าอยากได้หลังคาที่ระบายน้ำดี และช่วยลดฝุ่นสะสม → เลือก “ลอนหลังเต่า”

✅ เหตุผลที่ควรเลือก:

  • มีลอนที่โค้งนูนสูง ทำให้ระบายน้ำฝนได้เร็ว ลดปัญหาน้ำขัง
  • ช่วยลดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก เพราะน้ำฝนสามารถไหลผ่านได้ง่าย
  • ลักษณะลอนที่สูงกว่าแบบทั่วไป ทำให้ช่วยลดเสียงเวลากระทบฝนได้ระดับหนึ่ง

✅ เหมาะกับ:
บ้านที่อยู่ใกล้แหล่งฝุ่นเยอะ หรือในเขตอุตสาหกรรม


6. ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกตลอดปี → เลือก “ลอน 3 สันลอน”

✅ เหตุผลที่ควรเลือก:

  • มี 3 สันลอน ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยระบายน้ำฝนได้เร็ว
  • ลดโอกาสที่น้ำจะขังบนหลังคา หรือไหลย้อนกลับเข้าไปใต้แผ่น
  • สันลอนสูง 30 มม. และมีระยะห่าง 300 มม. ทำให้รองรับน้ำปริมาณมากได้ดี

✅ เหมาะกับ:
บ้านที่อยู่ในเขตฝนตกชุก หรือในพื้นที่ที่มักเกิดน้ำท่วม


สรุปเเล้ว หลังคาเมทัลชีท แบบไหนดีที่สุด?

ไม่มีแบบไหนดีที่สุดสำหรับทุกบ้าน แต่สิ่งที่เพื่อนๆ ต้องพิจารณาคือ
✅ สภาพอากาศในพื้นที่ (ฝนตกบ่อย? ลมแรง?)
✅ สไตล์ของบ้าน (ต้องการลุคโมเดิร์น คลาสสิก หรือเอกลักษณ์เฉพาะตัว?)
✅ ปัญหาที่กังวล (เสียงฝนดัง? ฝุ่นเยอะ? กลัวรั่วซึม?)

หากเพื่อนๆ เลือกเมทัลชีทที่เหมาะกับสภาพบ้านของตัวเอง รับรองว่าไม่ว่าจะฝนตก ลมแรง หรือแดดจัด บ้านของเราก็ยังอยู่สบาย แข็งแรง และดูดีไปได้อีกยาวนานนั่นเองครับ


ข้อควรรู้ก่อนเรียกช่างมาติดตั้ง หลังคาเมทัลชีท

การติดตั้งหลังคาเมทัลชีทไม่ใช่แค่เลือกแผ่นที่สวยและเหมาะสมเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการติดตั้งที่ถูกต้อง เพื่อให้หลังคาแข็งแรง ทนทาน ไม่รั่วซึม และไม่เกิดปัญหาในภายหลัง มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เพื่อนๆ ควรรู้ก่อนเรียกช่างมาติดตั้ง

1. เลือกช่างที่มีประสบการณ์ในการติดตั้งเมทัลชีทโดยเฉพาะ

✅ ทำไมต้องเลือกช่างที่เชี่ยวชาญ?

  • หลังคาเมทัลชีทมีเทคนิคการติดตั้งที่แตกต่างจากกระเบื้อง หากช่างไม่มีประสบการณ์ อาจติดตั้งผิดพลาดจนเกิดปัญหารั่วซึม หรือเสียงดังเวลาฝนตก
  • การยิงสกรูต้องใช้เทคนิคเฉพาะ ถ้าช่างขันสกรูแน่นเกินไป อาจทำให้แผ่นบุบหรือรั่วได้
  • ช่างที่มีประสบการณ์จะช่วยแนะนำชนิดของเมทัลชีทที่เหมาะกับบ้าน และช่วยลดปัญหาหน้างานได้

📌 ทริคเลือกช่าง:

  • ดูผลงานติดตั้งที่ผ่านมา
  • สอบถามรีวิวจากลูกค้าเก่า
  • เลือกช่างที่ใช้เครื่องมือได้ถูกต้องและมีความละเอียด

2. วางแผนโครงสร้างรองรับให้เหมาะสม

✅ โครงสร้างที่ดีช่วยยืดอายุหลังคา

  • เมทัลชีทมีน้ำหนักเบากว่ากระเบื้อง จึงต้องใช้โครงสร้างที่เหมาะสม เช่น แปเหล็กกล่อง หรือเหล็กซี
  • ควรให้ช่างคำนวณระยะห่างของแปให้เหมาะสมกับชนิดของเมทัลชีทที่เลือกใช้ ถ้าเว้นห่างเกินไป อาจทำให้แผ่นยุบตัวเมื่อเจอลมแรงหรือฝนตกหนัก
  • หากติดตั้งบนโครงไม้ ต้องตรวจสอบว่ามีการเคลือบกันสนิมหรือไม่ เพื่อป้องกันการผุกร่อนในระยะยาว

📌 ทริค:
ให้ช่างตรวจสอบโครงสร้างเดิมก่อนติดตั้ง และเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน


3. ตรวจสอบทิศทางการลาดเอียงของหลังคา

✅ ความลาดเอียงที่เหมาะสมช่วยป้องกันน้ำรั่วซึม

  • หลังคาเมทัลชีทต้องมีความลาดเอียงอย่างน้อย 5 องศา เพื่อให้น้ำฝนไหลลงได้ง่าย
  • ถ้าความลาดเอียงต่ำกว่านี้ อาจเกิดปัญหาน้ำย้อนซึมเข้าสันลอนได้

📌 ทริค:
ถ้าหลังคามีความลาดเอียงน้อย แนะนำให้ใช้เมทัลชีทแบบ คลิปล็อก ที่ช่วยลดโอกาสการรั่วซึม


4. ตรวจสอบเทคนิคการยิงสกรู

✅ ยิงสกรูให้ถูกต้อง ลดปัญหารั่วซึม

  • สกรูต้องเจาะลงไปที่สันลอน ไม่ใช่ร่องลอน เพื่อป้องกันน้ำขังและรั่วซึม
  • ต้องใช้ แหวนยางรองใต้หัวสกรู เพื่อกันน้ำเข้า
  • ห้ามยิงสกรูแรงเกินไป เพราะอาจทำให้แผ่นเมทัลชีทบุบและเสียหาย

📌 ทริค:
ตรวจสอบว่าช่างใช้สกรูที่มีคุณภาพ เช่น สกรูปลายสว่านเคลือบกันสนิม จะช่วยให้หลังคาทนทานขึ้น


5. ใส่ใจกับการติดตั้งฉนวนกันร้อน

ลดความร้อนและเสียงดังเวลาฝนตก

  • เมทัลชีทเป็นวัสดุที่อมความร้อน ควรติดตั้งฉนวนกันความร้อน เช่น PU Foam หรือแผ่น PE กันความร้อน
  • นอกจากช่วยลดความร้อนแล้ว ยังช่วยลดเสียงฝนตกกระทบหลังคา

📌 ทริค:
ถ้างบจำกัด อาจเลือกใช้แผ่นเมทัลชีทแบบ เคลือบฉนวนในตัว ซึ่งช่วยลดปัญหานี้ได้


6. ตรวจสอบจุดเชื่อมต่อและรอยต่อ หลังคาเมทัลชีท

✅ ป้องกันการรั่วซึมระยะยาว

  • รอยต่อระหว่างแผ่นเมทัลชีทต้องมีระยะซ้อนกันที่เหมาะสม (อย่างน้อย 10 ซม.)
  • หากมีการติดตั้งรางน้ำฝน ต้องเชื่อมต่อให้พอดี เพื่อไม่ให้น้ำรั่วไหลลงใต้หลังคา
  • หากเป็นจุดเชื่อมกับผนัง ควรใช้ แฟลชชิ่ง (Flashing) ปิดรอยต่อเพื่อป้องกันน้ำซึมเข้า

📌 ทริค:
ให้ช่างใช้ซิลิโคนกันน้ำ หรือแผ่นปิดรอยต่อ เพื่อช่วยลดการรั่วซึมในอนาคต


7. ตรวจสอบการติดตั้งขอบปิดเชิงชายและรางน้ำฝน

✅ เพิ่มความสวยงามและป้องกันน้ำย้อน

  • ขอบปิดเชิงชายช่วยให้หลังคาดูเรียบร้อย และป้องกันน้ำย้อนเข้าไปใต้แผ่นเมทัลชีท
  • รางน้ำฝนต้องติดตั้งให้ได้ระดับ ไม่ให้เอียงมากเกินไป เพราะอาจทำให้น้ำไหลล้นออกด้านข้าง

📌 ทริค:
เลือกวัสดุรางน้ำที่ทนทาน เช่น สแตนเลสหรือไวนิล เพื่อป้องกันการผุกร่อน


8. ทำความเข้าใจเรื่องการบำรุงรักษา หลังคาเมทัลชีท

✅ ดูแลให้ถูกต้อง ยืดอายุการใช้งาน

  • ควรทำความสะอาดหลังคาอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันฝุ่นและเศษใบไม้สะสม
  • หากพบว่าสกรูหลุด หรือแผ่นเมทัลชีทมีรอยรั่ว ควรรีบซ่อมแซมทันที
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีแรงๆ เพราะอาจทำลายสารเคลือบกันสนิมของเมทัลชีท

📌 ทริค:
หากบ้านอยู่ใกล้ทะเล หรือในเขตที่มีฝุ่นมาก ควรล้างทำความสะอาดบ่อยขึ้น


สรุปบทความ 6 แบบ หลังคาเมทัลชีท เลือกยังไงให้เหมาะกับบ้านของคุณ

หลังคาเมทัลชีทเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเพราะความแข็งแรง ทนทาน และติดตั้งง่าย แต่การเลือกแบบหลังคาให้เหมาะกับบ้านต้องคำนึงถึงทั้งดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน เช่น ลอนคลิปล็อก เหมาะกับบ้านที่ต้องการป้องกันน้ำรั่วซึมได้ดี, ลอนทีโมเนีย ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนเหมาะกับพื้นที่ลมแรง, ลอนสเปน ให้ดีไซน์คล้ายกระเบื้องหลังคาเพิ่มความหรูหรา, ลอนดอกเหมย และ ลอนหลังเต่า เน้นความแข็งแรงและการระบายน้ำที่ดี, ส่วน ลอน 3 สันลอน เหมาะกับบ้านที่ต้องการดีไซน์เรียบง่ายแต่ใช้งานได้ยาวนาน

การเลือกหลังคาเมทัลชีทต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ความลาดเอียงของหลังคา พื้นที่ที่อยู่อาศัย และรูปแบบบ้าน หากอยู่ในพื้นที่ฝนตกชุกควรเลือกหลังคาที่มีระบบตะเข็บคู่เพื่อลดปัญหาน้ำรั่วซึม ส่วนบ้านที่อยู่ในเขตแดดแรงอาจพิจารณาเพิ่มฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาเพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน นอกจากนี้ การเลือกสีของเมทัลชีทก็ส่งผลต่อการสะท้อนความร้อนและภาพลักษณ์ของบ้านด้วย

ก่อนเรียกช่างมาติดตั้ง ควรเลือกช่างที่มีประสบการณ์และใช้โครงสร้างรองรับที่เหมาะสมเพื่อให้หลังคาแข็งแรงและปลอดภัย ควรตรวจสอบการยิงสกรูให้ถูกวิธีเพื่อลดปัญหารั่วซึม และเลือกวัสดุเสริม เช่น ฉนวนกันร้อน หรือแผ่นรองกันเสียง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย การวางแผนที่ดีตั้งแต่การเลือกวัสดุจนถึงการติดตั้ง จะช่วยให้หลังคาเมทัลชีทดูสวยงามและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น