ดีไซน์แบบคนมีคลาสด้วย 10 เทคนิค แต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์น ยังไงให้ดูแพง!!

ดีไซน์แบบคนมีคลาสด้วย 10 เทคนิค แต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์น ยังไงให้ดูแพง!!

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีแต่งบ้านให้ดูหรู มีระดับ แต่ยังคงความอบอุ่นและอยู่สบายในชีวิตจริง… บทความนี้คือคำตอบของคุณครับ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่อยากแต่งบ้านให้ดู “เวอร์วังอลังการ” หรือเต็มไปด้วยของตกแต่งฟุ่มเฟือย แต่หลายคนอยากได้บ้านที่ “ดูแพงแบบผู้ดี ไม่ตะโกน” มีเสน่ห์แบบคลาสสิค แต่ก็ไม่ทิ้งกลิ่นอายของความเรียบเท่และความทันสมัย ซึ่งนั่นคือหัวใจของ สไตล์คลาสสิค โมเดิร์น (Classic Modern) ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักบ้านยุคใหม่ ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความสง่างามในแบบยุโรปเข้ากับเส้นสายที่สะอาดตาแบบโมเดิร์น ทำให้บ้านดูมีคลาสโดยไม่ต้องแต่งเยอะ ซึ่งบทความนี้ SPSHOMEDESIGN จึงรวบรวม 10 ไอเดียดีๆ ในการแต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์น ที่จะช่วยให้บ้านของคุณดูหรูขึ้นในทุกมุม โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบเกินตัว อ่านจบแล้วคุณจะเข้าใจว่า… ความเรียบง่ายที่ใส่ใจในรายละเอียดนั้น “แพงกว่า” คำว่าหรูในแบบที่ไม่ต้องพูดเยอะครับ


10 เทคนิค แต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์น ให้ดูแพง

ถ้าเพื่อนๆ เป็นสายแต่งบ้านที่อยากได้ความ เรียบหรูมีรสนิยม แบบ คลาสสิคโมเดิร์น ที่ไม่ตกยุค ไม่ดูเยอะ แต่ยังคงความสง่างามแบบ timeless บทความนี้คือคู่มือแต่งบ้านที่ควรอ่านให้จบ เพราะผมรวม 10 เทคนิคที่ใช้ได้จริง ที่จะช่วยให้บ้านของเพื่อนๆ ดู “แพงแบบไม่ต้องพยายาม” มาฝากกันครับ

1. จัดโทนสีให้สมดุล คือจุดตั้งต้นของความหรู

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของบ้านสไตล์คลาสสิค โมเดิร์นคือการเลือกจัดโทนสีให้สมดุลและมีชั้นเชิง สีหลักที่นิยมมักเป็นโทนขาวนวลหรือขาวอมครีม ซึ่งให้ความรู้สึกโปร่ง สะอาด และอบอุ่นแบบเรียบหรู จากนั้นจึงค่อยๆ เติมความลึกด้วยสีเสริมอย่างสีดำเข้ม เทาเข้ม หรือลายธรรมชาติ เช่น หินอ่อนโทนเทา-น้ำตาล หรือไม้สีอ่อน เพื่อสร้างเลเยอร์ให้ห้องดูมีมิติ ไม่จืดชืดหรือเรียบแบนจนเกินไป เทคนิคนี้ทำให้บ้านดูแพงขึ้นโดยที่ยังคงบรรยากาศที่อยู่สบาย และสามารถปรับใช้ได้กับทุกห้อง ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ไปจนถึงห้องครัว

2. คิ้วบัวผนังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

คิ้วบัวหรือกรอบผนัง คือดีเทลสำคัญที่ทำให้บ้านไม่ดูแบนราบจนเกินไป มันเป็นกลิ่นอายของความคลาสสิคที่ใส่เข้าไปแล้ว ช่วยยกระดับความหรูให้ผนังเรียบๆ ดูแพงขึ้นทันที เลือกดีไซน์ที่บาง เรียบ คม เพื่อให้ยังคงความเป็นโมเดิร์นอยู่ ไม่จำเป็นต้องหวานแบบวินเทจ แค่มีโครงกรอบที่ชัดเจนก็พอครับ

3. ลวดลายธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เสริมความลงตัวที่ดี

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

ลายหินอ่อน เส้นไม้ หรือเท็กซ์เจอร์หินธรรมชาติ เป็นองค์ประกอบที่เติมความน่าสนใจได้ดีมาก ใช้ในจุดสำคัญ เช่น ผนังทีวี ไอส์แลนด์ครัว หรือท็อปโต๊ะ เพื่อสร้างความ contrast ที่สง่างาม และช่วยดึงสายตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งเลือกวัสดุที่มีเส้นสายไม่ซ้ำกันจะยิ่งดู real และดูแพงแบบมีคลาสครับ

4. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบหรู ไม่ตะโกน

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

เฟอร์นิเจอร์สไตล์คลาสสิคโมเดิร์นไม่จำเป็นต้องประโคมลายหรือสีฉูดฉาด แค่เลือกของที่มี ทรงสวย วัสดุดี และโทนเรียบ ก็ทำให้บ้านดูสงบและมีระดับได้ ลองมองหาชิ้นที่มีความโค้งมนแบบอ่อนโยน ขาเก้าอี้ที่เรียว หรือผิวสัมผัสแบบด้านที่ไม่สะท้อนมาก จะช่วยสร้างความรู้สึก “หรูแต่เบา” ได้อย่างดี

5. ซุ้มโค้งคือองค์ประกอบที่ขับความโดดเด่นในบ้านสไตล์นี้

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

หนึ่งในดีเทลที่ทำให้บ้านสไตล์คลาสสิค โมเดิร์นดูหรูหราและมีเอกลักษณ์ก็คือ “ซุ้มโค้ง” ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตู ทางเดินเชื่อมระหว่างห้อง หรือแม้แต่การกรุผนังด้วยกรอบโค้งบางจุด ล้วนช่วยเพิ่มความรู้สึก “นุ่มนวลแต่สง่างาม” ได้อย่างลงตัว เส้นโค้งจะช่วยลดความแข็งของเส้นตรงแบบโมเดิร์น และเสริมความละมุนแบบคลาสสิคเข้าไป ทำให้ภาพรวมของบ้านดูละเมียดและกลมกล่อมขึ้นมาก จุดนี้ถือเป็นองค์ประกอบเล็กๆ แต่มีพลังอย่างยิ่งในการยกระดับบ้านให้ดู “แพงแบบมีรสนิยม” อย่างแท้จริงครับ

6. เลือกใช้วัสดุที่ดูทันสมัยในการบิ้วอิน

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

การเลือกวัสดุที่ดูทันสมัย เช่น กระจกสีชา กระจกเงาดำ หรือหินอ่อนลายธรรมชาติ คือเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้บ้านสไตล์คลาสสิค โมเดิร์นดูหรูขึ้นโดยไม่ต้องแต่งเยอะ วัสดุเหล่านี้มีทั้งความเรียบเท่และมิติในตัว ช่วยสะท้อนแสง เพิ่มความลึกให้ห้อง และสร้างบรรยากาศที่ดูแพงแบบไม่โอเวอร์ เหมาะสำหรับงานบิ้วอินจุดสำคัญ เช่น ผนังทีวี โต๊ะอาหาร หรือเคาน์เตอร์ครัว เมื่อจับคู่กับโทนสีเรียบและแสงไฟ warm white จะยิ่งทำให้บ้านดูมีรสนิยมแบบไร้กาลเวลา

7. พื้นไม้หรือไม้ลายอ่อน คือพื้นฐานของความอบอุ่นหรูหรา

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

คลาสสิคโมเดิร์นที่ดูดี มักจะไม่ใช้พื้นกระเบื้องเรียบๆ แต่เลือกพื้นไม้ (จริงหรือ SPC) ที่มีลายอ่อน สีอุ่น เช่น น้ำตาลอ่อน ขาวอมเทา หรือเบจธรรมชาติ เพื่อให้ภาพรวมของบ้านดูอบอุ่นและแพงไปพร้อมกัน ถ้าเลือกสีเข้ากับผนังและเฟอร์นิเจอร์ได้ บ้านจะดูแพงขึ้นแบบไม่ต้องเพิ่มของเลยครับ

8. การทำฝ้าหลุมทำให้ห้องดูหรูขึ้นอีกระดับ

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

ฝ้าหลุมคือหนึ่งในดีเทลที่ช่วยยกระดับความหรูให้กับบ้านได้ทันที โดยไม่ต้องใช้ของตกแต่งมากมาย การเลือกทำฝ้าหลุมที่มีแสงซ่อน (Indirect Light) หรือเพิ่มกรอบซุ้มแบบมีเส้นสายที่ชัดเจน จะช่วยให้เพดานดูมีมิติ ห้องดูสูง โปร่ง และสร้างบรรยากาศที่นุ่มนวลขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่งกับห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น หรือโถงกลางบ้าน เพราะช่วย “ขับความพรีเมียม” ให้สไตล์คลาสสิค โมเดิร์นดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

9. ผลงานศิลปะสามารถเพิ่มความน่าค้นหาให้กับบ้านได้มากที่สุด

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

ของตกแต่งอย่าง แจกันปั้นมือ งานปูนเปลือย แท่นวางหนังสือ หรือภาพวาดแบบ abstract เป็นองค์ประกอบเล็กๆ ที่สะท้อนความมีรสนิยมมาก ถ้าเลือกให้เข้าธีมบ้านและไม่วางเยอะเกินไป จะกลายเป็นจุดบอกเล่าตัวตนของเจ้าของบ้านได้อย่างนุ่มนวล

10. แสงไฟคือพระเอกที่มองไม่เห็น

แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยหรู มีระดับ

การจัดแสงคือสิ่งที่หลายคนมองข้าม แต่จริงๆ แล้วมันคือสิ่งที่กำหนด “อารมณ์ของบ้าน” อย่างแท้จริงครับ ไฟวอร์มไวท์แบบ soft tone ช่วยให้บ้านดูละมุน หรู และอบอุ่นในคราวเดียว อย่าลืมใส่ไฟซ่อน (indirect light) ใต้ตู้ หรือหลืบเพดาน เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ลึกและดูมีเลเยอร์

บทความน่าสนใจเพิ่มเติม :

รีวิวงานบิ้วอินบ้านสเตฟาน Anti Hero TH ดีไซน์สุดเนี๊ยบเรียบหรูทุกจุด !!


ทำไมสไตล์การ แต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์น ถึงครองใจคนสมัยใหม่ ?

ในยุคที่คนรุ่นใหม่ใส่ใจเรื่องดีไซน์บ้านมากขึ้น การแต่งบ้านให้สวยเรียบแต่ดูมีรสนิยมจึงกลายเป็นเป้าหมายของหลายคน และหนึ่งในสไตล์ที่มาแรงที่สุดตอนนี้ก็คือ การแต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์น ซึ่งกำลังกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโด เพราะมันผสมผสานความหรูแบบมีระดับกับความเรียบแบบโมเดิร์นได้อย่างลงตัว และนี่คือ 5 เหตุผลว่าทำไมคนถึงชอบแต่งบ้านสไตล์คลาสสิคโมเดิร์น มากขึ้นทุกวัน

1. ผสมความหรูหราและความเรียบง่ายไว้ในบ้านหลังเดียว

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ การแต่งบ้านสไตล์คลาสสิคโมเดิร์น เป็นที่นิยมก็คือ ความสามารถในการผสมความหรูแบบวังเก่า (เช่น คิ้วบัว ผนังกรอบ โคมไฟระย้า) เข้ากับความเรียบเท่ของความเป็นโมเดิร์น เช่น สีพื้น เฟอร์นิเจอร์ทรงตรง และฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย ผลลัพธ์คือ บ้านที่ดูแพง เรียบ แต่ไม่จืด — อยู่ได้ทุกวัน และดูดีในทุกยุค

2. แต่งบ้านให้ดูแพงแบบไม่ต้องลงทุนเวอร์

ใครว่าบ้านดูหรูต้องใช้เงินเยอะ? ความจริงคือ การตกแต่งบ้านให้ดูแพงในสไตล์คลาสสิคโมเดิร์น ไม่จำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์หรูหราราคาแรงเลยครับ แค่เลือกวัสดุที่มี texture ดี เช่น หินอ่อนลายธรรมชาติ ไม้โทนอุ่น หรือผ้าม่านที่ทิ้งตัวสวย และวางของให้สมดุล เพียงเท่านี้บ้านก็จะดูดีมีคลาสแบบ “หรูเงียบๆ” แล้วครับ

3. สไตล์ที่อยู่ได้นาน ไม่ตกเทรนด์ง่ายๆ

คนส่วนใหญ่หันมาแต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นกันมากขึ้น เพราะมันไม่ใช่แค่สวยตอนแรก แต่ยัง คงความสวยคลาสสิคไปอีกหลายปี สีสันไม่ฉูดฉาดจนเบื่อ วัสดุที่ใช้ดูธรรมชาติ ไม่ต้องตามแฟชั่นมากเกินไป บ้านจะยังดูดีเสมอแม้ผ่านไป 5–10 ปี เป็นสไตล์ที่คุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว

4. บ้านสวยทุกมุม เหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคโซเชียล

สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป แต่งบ้านอัปลง IG หรือเปิดร้านในบ้านเอง สไตล์นี้คือที่สุดครับ เพราะ แต่งบ้านคลาสสิคโมเดิร์นให้สวยทุกมุม ได้ไม่ยาก โทนสีขาว เทา ดำ ทอง รวมกับการวางไฟและแสงธรรมชาติ ช่วยให้บ้านดู “มีอะไร” ทุกครั้งที่ถ่ายภาพ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่อยากให้บ้านสะท้อนสไตล์ตัวเอง

5. ยืดหยุ่นสูง ปรับใช้ได้กับบ้านทุกขนาด

ไม่ว่าคุณจะอยู่คอนโดขนาด 30 ตร.ม. หรือบ้านเดี่ยว 2 ชั้น การแต่งบ้านสไตล์คลาสสิคโมเดิร์นก็สามารถปรับใช้ได้เสมอ เพราะมันยืดหยุ่นมาก ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะ จุดสำคัญอยู่ที่ การเลือกวัสดุ เฉดสี และของตกแต่งให้กลมกลืนกัน ซึ่งสามารถปรับได้ตามงบและขนาดพื้นที่ จึงเหมาะกับทั้งวัยทำงาน คนมีครอบครัว หรือสายแต่งบ้านมือใหม่ก็ยังเริ่มได้ครับ

บทความน่าสนใจเพิ่มเติม :

รีวิวงานบิ้วอินบ้านโมเดิร์น คลาสสิค เดอะซิตี้ รามอินทรา-วงแหวน 2


แต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์น ใช้งบเยอะไหม?

เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยว่า แต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์นต้องใช้งบสูงหรือเปล่า? เพราะภาพลักษณ์ของสไตล์นี้มักดูหรู ดูแพง มีคิ้วบัว วอลล์เดคอร์ โคมไฟ และวัสดุเนี๊ยบๆ จนทำให้บางคนกลัวว่าแต่งจริงแล้วจะบานปลาย แต่ความจริงคือ… แต่งบ้านสไตล์คลาสสิคโมเดิร์น “แพงได้ แต่ควบคุมงบได้” เช่นกัน ขึ้นอยู่กับ การเลือกวัสดุ เฟอร์นิเจอร์ และวิธีการบิ้วอิน เป็นหลัก โดย งบแต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์น แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ

1. แบบประหยัดแต่ยังดูดี (วัสดุทดแทน + ของสำเร็จรูป)

ถ้าเพื่อนๆ ต้องการแค่บรรยากาศโดยรวมให้ดูคลาสสิคโมเดิร์น เช่น ใช้โทนสีขาว–ดำ คิ้วบัวแบบสำเร็จรูป ผนังทาสีเรียบ + เพิ่มลายไม้บางจุด และเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีทรงเรียบหรู ก็สามารถ แต่งทั้งบ้านได้ในงบประมาณ 300,000 – 600,000 บาท (สำหรับบ้านขนาด 100–150 ตร.ม.)

เหมาะกับ:

  • คอนโด / ทาวน์โฮม

  • บ้านที่ไม่ต้องทำ built-in ทั้งหลัง

  • คนที่อยากแต่งให้ได้ฟีลคลาสสิคโดยไม่เน้นวัสดุพรีเมียมมาก


2. แบบบิ้วอินจัดเต็ม ใช้วัสดุเกรดพรีเมียม

ถ้าคุณอยากได้บ้านที่หรูหรา มีบิ้วอินแบบลงดีเทลจริงจัง เช่น กรอบผนังบัวฝัง, ผนังหินอ่อน, ตู้บิ้วอินโทนขาวด้าน + มือจับทอง, ไฟซ่อนแสง, ผ้าม่านลอนลึก และเลือกเฟอร์นิเจอร์เกรดดี งบประมาณจะอยู่ที่ 800,000 – 2,000,000 บาท (ขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้สอยและดีไซน์เฉพาะจุด)

ราคาการบิ้วอินเฉลี่ย:

  • บิ้วอินผนังทีวี (สไตล์คลาสสิคโมเดิร์น) เริ่มต้น 45,000 – 120,000 บาท

  • ชุดครัวบิ้วอิน 150,000 – 300,000 บาท (ถ้าใช้หน้าท็อปหินหรือวัสดุลายไม้แท้)

  • ตู้เสื้อผ้าบิ้วอิน + กรอบคลาสสิค 60,000 – 180,000 บาท

  • บัวผนัง / วอลล์เดคอร์ แบบทำตามจุด เริ่มต้น 1,500 – 2,500 บาท/ตร.ม.


💡 เเต่จะทำยังไงหล่ะที่เราจะแต่งบ้านสไตล์นี้ให้ดูเเพง โดยไม่จ่ายแพงเกินไป ?

แม้สไตล์ คลาสสิค โมเดิร์น จะให้ภาพลักษณ์หรูหราดูมีระดับ แต่ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ของแพงไปเสียทุกจุดก็สามารถได้บ้านที่ดูดีได้ครับ เพียงแค่ “รู้ว่าควรลงทุนตรงไหน” และเลือกใช้เทคนิคให้เป็น ก็ช่วยให้บ้านดูแพงขึ้นโดยที่งบไม่บานปลาย ลองดูเทคนิคเหล่านี้เลยครับ:

1. ใช้วัสดุทดแทนที่ “ดูแพง” แทนของจริง

หินอ่อนแท้ ไม้จริง หรือโลหะชุบสีทองนั้นสวยก็จริง แต่ราคาสูงมาก เราจึงสามารถใช้วัสดุทดแทน เช่น:

  • PVC ลายหินอ่อน หรือแผ่นลามิเนตลายหิน (สำหรับผนังทีวี, ท็อปโต๊ะ)

  • ไม้ลามิเนตลายธรรมชาติ หรือ ไม้ HMR ปิดผิว (ใช้ทำตู้บิ้วอินแทนไม้จริง)

  • อลูมิเนียมหรือพลาสติกชุบทอง (สำหรับขาโต๊ะ, มือจับตู้)

วัสดุเหล่านี้ช่วยให้ภาพรวมดูแพง โดยไม่ต้องลงทุนเท่าวัสดุจริง และยังดูแลรักษาง่ายด้วยครับ


2. เลือกบิ้วอินเฉพาะจุดสำคัญ ไม่ต้องทั้งหลัง

การบิ้วอินช่วยให้บ้านดูเรียบร้อยและหรูขึ้นมาก แต่ก็เป็นจุดที่กินงบเยอะ ดังนั้นควร:

  • เน้นบิ้วเฉพาะผนังที่เห็นบ่อย เช่น ผนังทีวี, โถงทางเข้า, ตู้รองเท้า, มุมหัวเตียง

  • เลี่ยงบิ้วอินที่ไม่จำเป็น เช่น ชั้นโชว์เต็มผนังทั้งฝั่ง, ตู้สูงจรดเพดานในที่ที่ไม่ได้ใช้งานจริง

การบิ้วอินเฉพาะจุดจะช่วย “ควบคุมงบ” ได้ดี และยังสร้างจุดเด่นให้บ้านดูแพงขึ้นด้วย


3. ใช้โทนสีเรียบ + แสงไฟที่ออกแบบดี = ดูแพงทันที

บ้านที่ดูแพงมักจะมี Mood & Tone ที่ชัดเจน ซึ่งสามารถสร้างได้ด้วย:

  • โทนสีขาว ครีม เทา ดำ ซึ่งเป็นสีที่ให้ความหรูหราและสงบ

  • แสงไฟ Warm White (โทนอุ่น) ช่วยให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนโรงแรม

  • ใช้ ไฟซ่อน (Indirect Light) ใต้ตู้ หรือในฝ้าหลุม เพื่อเพิ่มมิติแสงให้บ้านดูมีเลเยอร์

แสงและสี เป็นองค์ประกอบที่ใช้ต้นทุนน้อย แต่ให้ผลลัพธ์ “ดูดี” อย่างชัดเจนครับ


4. เฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องแพง แค่ “ทรงดี วัสดุดูดี” ก็พอ

เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่ดูแพง ไม่จำเป็นต้องมาจากแบรนด์หรู ขอแค่:

  • ทรงเรียบ ขาเรียว หรือโค้งแบบคลาสสิค

  • ผิวสัมผัสแบบด้าน (Matte) หรือผ้าโทน Earth Tone

  • หลีกเลี่ยงของที่มีลวดลายเยอะ หรือดีไซน์หวือหวาเกินไป

สามารถเลือกจากร้านท้องถิ่น หรือแบรนด์ mass production ที่มีดีไซน์ดีๆ ก็เพียงพอแล้วครับ


5. ใช้ “กระจก” และ “ของตกแต่งบางชิ้น” ดึงความรู้สึกหรู

  • กระจกเงาเต็มบาน จะช่วยเพิ่มความลึกให้ห้อง ดูโปร่งและสะท้อนแสงได้ดี

  • ของตกแต่ง Over Scale เช่น โคมไฟตั้งพื้น กระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ ภาพวาดกรอบทอง จะช่วยให้มุมห้องดูแพงแบบมีจุดดึงสายตา

  • ใช้ พร็อพแบบน้อยชิ้น แต่คุณภาพดี ดีกว่าเยอะชิ้นแต่ดูรก

การเลือกของแบบพอดี ไม่มากไป และจัดวางให้มีจังหวะ จะทำให้บ้านดูแพงแบบมีสไตล์


✅ 10 ข้อควรทำ ก่อนเริ่ม แต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์น

1. กำหนดงบประมาณที่ชัดเจน

ก่อนเริ่มแต่งบ้าน ต้องรู้ว่าเราพร้อมลงทุนแค่ไหน เพราะ สไตล์คลาสสิค โมเดิร์นสามารถปรับได้หลายระดับราคา ตั้งแต่แต่งเบาๆ ไปจนถึงบิ้วอินจัดเต็ม การมีงบในใจจะช่วยเลือกวัสดุ เฟอร์นิเจอร์ และขอบเขตงานได้แม่นยำขึ้น

2. สำรวจพื้นที่บ้าน และวัดขนาดจริง

ควรเริ่มจากการ วัดขนาดพื้นที่ทุกห้อง ทั้งผนัง พื้น ฝ้า รวมถึงความสูง ความลึก เพื่อให้สามารถวางแผนการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และการบิ้วอินได้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงความผิดพลาดและลดการแก้งาน

3. ศึกษาสไตล์คลาสสิค โมเดิร์นให้เข้าใจ

แม้จะคุ้นหูคำนี้ แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า Classic Modern คืออะไร แตกต่างจาก Modern หรือ Classic ล้วนๆ ยังไง แนะนำให้ดูภาพตัวอย่างเยอะๆ และสังเกตองค์ประกอบหลัก เช่น คิ้วบัว เส้นกรอบ สีโทนเรียบ แสงไฟ และเฟอร์นิเจอร์ทรงหรู เพื่อจับแนวทางให้ถูกตั้งแต่ต้น

4. กำหนด Mood & Tone ที่ต้องการในแต่ละห้อง

แม้จะเป็นสไตล์เดียวกัน แต่แต่ละห้องควรมีความรู้สึกเฉพาะตัว เช่น ห้องนั่งเล่นอาจเน้นอบอุ่น เรียบหรู ห้องนอนอาจโทนอบอุ่นนุ่มนวล มีความโรแมนติกหน่อยๆ การเลือก Mood & Tone จะช่วยให้ทุกห้องกลมกลืนกันอย่างมีเรื่องราว

5. เลือกโทนสีหลักของบ้าน

สไตล์นี้นิยมใช้โทนสี ขาว ดำ ครีม เทา น้ำตาลอ่อน และทอง ควรเลือกไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การเลือกผนัง วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งออกมาในธีมเดียวกัน ไม่หลุดโทน

6. ลิสต์เฟอร์นิเจอร์และจุดที่ต้องบิ้วอิน

ให้แยกเป็น 2 กลุ่มชัดเจน:

  • เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว (เช่น โซฟา โต๊ะ เก้าอี้)

  • เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน (เช่น ผนังทีวี ตู้เสื้อผ้า ชุดครัว)
    สิ่งนี้จะช่วยวางงบประมาณและเลือกซื้อได้เป็นระบบ รวมถึงประเมินได้ว่าอะไรควรสั่งทำ หรือซื้อสำเร็จรูปดีกว่า

7. หา Reference ภาพที่ชัดเจน

การมี Reference ภาพจาก Pinterest, IG, หรือผลงานจริงของช่างตกแต่งภายในจะช่วยให้เราสื่อสารกับดีไซเนอร์หรือช่างได้ตรงใจ และลดโอกาสที่งานจะออกมาไม่ตรงภาพฝัน

8. วางแผนเรื่องแสงไฟและไฟซ่อน

ในสไตล์คลาสสิคโมเดิร์น “แสง” มีผลต่อบรรยากาศอย่างมาก ควรวางแผนไว้ตั้งแต่แรกว่า:

  • จุดไหนจะใช้ไฟ Warm White

  • จุดไหนจะซ่อนไฟใต้ตู้ หรือฝ้า

  • ต้องการโคมไฟแบบคลาสสิคหรือโมเดิร์น

9. เช็กความพร้อมของผู้รับเหมา/ช่าง/บริษัทที่เข้าใจสไตล์นี้จริงๆ

เพราะคลาสสิค โมเดิร์น มีรายละเอียดเยอะ ทั้งเรื่องสัดส่วนของคิ้วบัว การเก็บมุม ความเนี๊ยบของวัสดุ ฯลฯ จึงต้องเลือกคนที่เข้าใจสไตล์นี้ ไม่ใช่ช่างทั่วไปที่ถนัดแต่ออกแบบโมเดิร์นเรียบๆ

10. เตรียมใจให้พร้อมสำหรับความละเอียดในขั้นตอน

สไตล์คลาสสิค โมเดิร์น คือความ “เรียบที่มีรายละเอียด” ดังนั้นต้องเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการตัดสินใจในจุดเล็กๆ เช่น เลือกบัวสูง 4 นิ้วหรือ 5 นิ้วดี? มือจับทองเงาหรือทองด้าน? ซึ่งอาจดูเล็กน้อย แต่มีผลกับภาพรวมมาก


5 เหตุผล ทำไมควรเลือก SPS HOME DESIGN มา บิ้วอินบ้าน ของคุณ

1. เราเลือกใช้ไม้ HMR เกรดท็อปสุดในทุกงานบิ้วอิน

เพราะเราเชื่อว่าบ้านหรูต้องอยู่ได้นาน ไม่ใช่แค่สวยช่วงแรกๆ ไม้ HMR (High Moisture Resistance) ที่เราใช้มีคุณสมบัติทนความชื้นสูงกว่าพาร์ติเคิลบอร์ดทั่วไป ไม่บวม ไม่บิดงอง่าย และเหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยที่มีความชื้นค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในห้องครัว ห้องน้ำ หรือบริเวณที่ติดแอร์ เปิด–ปิดบ่อย ไม้ชนิดนี้ยังมีพื้นผิวเรียบแน่น ทำให้ติดลามิเนตได้แนบสนิทและสวยงามแบบงานพรีเมียม

2. เราใช้ลามิเนตลายสมจริงมากที่สุดในไทย

พื้นผิวและลวดลายคือสิ่งที่สร้างความรู้สึก “หรู” ในบ้านได้อย่างแท้จริง เราคัดสรร ลามิเนตลายไม้ ลายหิน ลายหนัง ที่ให้สัมผัสเสมือนวัสดุจริงมากที่สุด ทั้งในเรื่องของผิวสัมผัส (Texture) และการจับแสงเงา ไม่ใช่แค่ภาพพิมพ์เหมือนทั่วไป ทำให้เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ตู้หรือผนังจะดูพรีเมียมเหมือนบ้านยุโรปหรือโรงแรมระดับ 5 ดาว

3. เราออกแบบเฉพาะให้เข้ากับสไตล์บ้านของแต่ละคน

เราไม่ใช้แบบสำเร็จรูปหรือดีไซน์ที่ซ้ำกับใคร ทุกงานบิ้วอินจะผ่านการวิเคราะห์สไตล์บ้าน พื้นที่ใช้สอย และไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านโดยละเอียด ไม่ว่าคุณจะชอบ บ้านสไตล์โมเดิร์นหรู (Modern Luxury), คลาสสิคยุโรป หรือมินิมอลอบอุ่น เราสามารถออกแบบให้เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกลมกลืนกับทุกมุมของบ้านได้อย่างลงตัว

4. ทีมช่างมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 10 ปี

เบื้องหลังงานสวยคือฝีมือของทีมช่างของเรา ที่ผ่านงานบ้านหรูมาหลากหลายโครงการ ทีมงานของเราเข้าใจดีว่าการติดตั้งบิ้วอินต้องอาศัยความละเอียด ความเนี้ยบ และการวัดพื้นที่แบบมืออาชีพ ทุกจุดที่ติดตั้งจะต้องเป๊ะ ไม่มีเบี้ยว ไม่มีช่องว่าง ไม่ทิ้งรอยต่อที่ทำให้บ้านดูราคาถูก

5. งานเร็ว ตรงเวลา พร้อมบริการหลังการขาย

เราให้ความสำคัญกับระยะเวลาติดตั้งและการส่งมอบงานตามที่ตกลงไว้ เพราะเราเข้าใจว่าการทำบ้านคือเรื่องใหญ่สำหรับเจ้าของบ้าน นอกจากนี้ เรายังมี บริการตรวจสอบและดูแลหลังการติดตั้ง เพื่อให้มั่นใจว่างานของเราจะอยู่กับคุณอย่างสมบูรณ์แบบ

บทความน่าสนใจเพิ่มเติม :

พาชมเทคนิค บิ้วอินบ้าน สไตล์โมเดิร์นคลาสสิคให้สวยหรูแบบมืออาชีพ !!


สรุปบทความ 10 ไอเดีย แต่งบ้านคลาสสิค โมเดิร์น ยังไงให้ดูแพง!!

การแต่งบ้านสไตล์คลาสสิค โมเดิร์น คือการผสมผสานความหรูหราแบบมีรายละเอียด กับความเรียบง่ายแบบร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนรสนิยมของผู้อยู่อาศัยอย่างชัดเจน บทความนี้จึงรวบรวม 10 เทคนิคสำคัญ ตั้งแต่การเลือกโทนสีขาว–ดำ การใส่คิ้วบัวอย่างมีชั้นเชิง ไปจนถึงการเลือกเฟอร์นิเจอร์ทรงเรียบหรู วัสดุธรรมชาติเช่นหินอ่อนหรือไม้ และการจัดแสงที่ช่วยขับบรรยากาศให้ดูแพงแบบไม่ต้องประโคม

ไม่ว่าจะเป็นการใช้เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นแบบ Over Scale การเลือกผ้าม่านและกระจกอย่างมีกลยุทธ์ หรือการบิ้วอินเฉพาะจุดเด่น ทั้งหมดล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้บ้านดูมีคลาสได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบสูงเกินไป หากวางแผนอย่างรอบคอบ เข้าใจสไตล์ และใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ บ้านธรรมดาก็สามารถกลายเป็นพื้นที่หรูหราในแบบที่อยู่จริงก็สุข ถ่ายรูปก็สวย และไม่มีวันตกยุคครับ