บ้านหลังนี้ที่เดอะซิตี้ รามอินทรา-วงแหวน 2 หลังนี้ต็มไปด้วยดีไซน์บิ้วอินที่สะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้านอย่างลึกซึ้งในทุกมุม ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้พูดคุยกัน เจ้าของบ้านมีภาพในใจชัดเจนว่าอยากได้บ้านที่ “เรียบ คลาสสิค แต่แฝงด้วยความทันสมัย” ไม่เน้นความเว่อร์วัง แต่ขอความลงตัวที่ดูดีแบบอยู่ได้นาน อยู่แล้วสบายตา และมีรสนิยม โดย บทความนี้ SPSHOMEDESIGN จะพาเพื่อนๆ ไปชมรายละเอียดของงานบิ้วอินแต่ละโซนในบ้านหลังนี้กันครับ ว่าทำไมดีไซน์โมเดิร์นคลาสสิคถึงสามารถบาลานซ์ความหรู ความเรียบ และความอบอุ่นได้อย่างพอดี จนกลายเป็นบ้านที่ทั้งน่าอยู่ และน่าภูมิใจแบบสุดๆ!
1. โถงห้องนั่งเล่น (Living Area)
โถงห้องนั่งเล่นนี้คือหัวใจของบ้านที่สื่อถึงรสนิยมของเจ้าของได้อย่างชัดเจน ด้วยเพดานสูงแบบ Double Volume และแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ตลอดทั้งวัน ทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูเปิดโล่ง สบายตา และหรูหราไปพร้อมกัน โซนนี้ยังเชื่อมต่อกับหลายห้อง ทั้งครัว โถงบันได และทางเดินสู่ห้องอื่นๆ อย่างลงตัว ถือเป็นจุดต้อนรับที่ให้ความประทับใจแรกแก่แขกที่มาเยือนได้อย่างไม่รู้ลืม
จุดเด่นของดีไซน์
• ผนังบิ้วอินรอบทีวีพร้อมเตาผิง: บริเวณผนังทีวีถูกออกแบบให้เป็นบิ้วอินเต็มผนังด้วยบัวคลาสสิคสีขาวนวล แทรกด้วยชั้นโชว์ของแบบกระจกใสสองฝั่ง พร้อมไฟซ่อนด้านใน ช่วยให้พื้นที่ดูหรูหราและมีมิติเหมือนแกลเลอรี่ส่วนตัว เสริมด้วยเตาผิงปลอมด้านล่างที่ไม่ใช่แค่เพิ่มความอบอุ่นทางสายตา แต่ยังช่วยบาลานซ์สัดส่วนผนังได้อย่างลงตัว
• ผนังตีบัวสูงจรดเพดานแบบ Double Volume: ตกแต่งด้วยลายบัวเรียบหรูที่ต่อเนื่องกันทั้งแนวตั้งและแนวนอน เสริมความอลังการให้กับความสูงของเพดาน และยังช่วยให้แสงเงาที่ตกกระทบดูมีมิติ ไม่ให้ผนังเรียบจนเกินไป
• ลูกเล่นผนังซ่อนลาย Texture: มีการเลือกใช้วัสดุปิดผิวบางจุด เช่น เสาและผนังข้างบานประตู ให้มีเท็กซ์เจอร์ละเอียดแบบผ้าทอ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจโดยไม่ต้องใช้ลวดลายเยอะ ให้ความรู้สึกเรียบหรูแต่ไม่เรียบง่ายจนจืด
• ประตูไม้สีเข้มบิ้วอิน: ประตูโทนไม้เข้มสูงจรดฝ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นและคลาสสิคตัดกับผนังสีอ่อนอย่างมีระดับ ดูเป็นงานสั่งทำเฉพาะพื้นที่นี้โดยเฉพาะ
Mood & Concept ที่ต้องการสื่อ
บรรยากาศของโถงห้องนั่งเล่นนี้ให้อารมณ์เหมือนห้องรับรองในคฤหาสน์ยุโรป ผสมความโมเดิร์นเข้าไปอย่างแนบเนียน ทุกองค์ประกอบให้ความรู้สึกถึงการต้อนรับอย่างมีรสนิยม มีเสน่ห์ในความสงบเรียบแต่หรูหรา ไม่เว่อร์วังจนเกินไป และสะท้อนถึงความสำเร็จและความมั่นคงของเจ้าของบ้านได้อย่างตรงจุด
2. โซนรับประทานอาหาร (Dining Area)
โซนทานอาหารของบ้านหลังนี้ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับพื้นที่ครัวอย่างไร้รอยต่อ ด้วยบรรยากาศโปร่งโล่งจากฝ้าเพดานสูง พร้อมบานกระจกทรงโค้งที่เปิดรับแสงธรรมชาติในมุมที่พอดี สะท้อนกับพื้นหินอ่อนมันวาว ช่วยให้ทุกมื้ออาหารดูมีบรรยากาศอบอุ่นแต่หรูหรา เหมาะกับทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการต้อนรับแขกคนพิเศษ
จุดเด่นของดีไซน์
- บิ้วอินเคาน์เตอร์บาร์เชื่อมต่อพื้นที่ครัว : พื้นที่ทานอาหารถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับเคาน์เตอร์บาร์บิ้วอินที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย สร้างการแบ่งโซนอย่างเป็นธรรมชาติระหว่างครัวและโต๊ะอาหาร โดยใช้ท็อปหินลายธรรมชาติสีขาวตัดขอบสีเข้ม พร้อมซ่อนไฟใต้เคาน์เตอร์ ช่วยให้บรรยากาศดูอบอุ่นและมีมิติ เหมาะสำหรับใช้งานจริงทั้งในชีวิตประจำวันและตอนรับแขก
- ผนังตกแต่งบิ้วอินพร้อมชั้นวางของ : ฝั่งตรงข้ามโต๊ะอาหารมีการบิ้วอินชั้นวางของแนวสูงที่เล่นระดับให้ดูมีมิติ โดยเน้นดีไซน์แบบกรอบคิ้วบัวบางๆ เพื่อให้ยังคงความหรูไว้ในแบบ Modern Classic ชั้นวางเปิดบางช่องไว้โชว์ของตกแต่งสวยๆ หรือเครื่องแก้วหรู และอีกบางส่วนเป็นบานปิดเพื่อเก็บของให้เป็นระเบียบ ไม่ให้ห้องดูรก
- ซุ้มผนังโค้งแบบบิ้วอินพิเศษ : ผนังด้านหลังโต๊ะอาหารถูกออกแบบให้มีซุ้มโค้งขนาดใหญ่ บิ้วอินเข้าไปในผนังอย่างแนบเนียนพร้อมคิ้วบัวคลาสสิคเต็มชุด เพิ่มความรู้สึกหรูหราแบบยุโรป โดยไม่ดูเยอะจนเกินไป เป็นฉากหลังที่ช่วยขับให้เฟอร์นิเจอร์ดูโดดเด่นขึ้นอีกระดับ
- เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวน้อยชิ้น แต่มีรสนิยม : โต๊ะอาหารทรงยาวท็อปหินสีอ่อน และเก้าอี้หุ้มหนังเรียบหรู เป็นองค์ประกอบที่เลือกมาเสริมกับบิ้วอินโดยไม่แย่งซีนกัน ช่วยเติมเต็มความเรียบร้อยให้พื้นที่นี้กลายเป็นโซนที่ลงตัวทั้งในฟังก์ชันและดีไซน์
Mood & Concept ที่ต้องการสื่อ
พื้นที่นี้ให้ความรู้สึกเหมือนห้องรับประทานอาหารในโรงแรมหรู ที่ถูกออกแบบให้มีเสน่ห์เฉพาะตัว ทั้งความสูงโปร่ง ความละเอียดของงานตกแต่ง และวัสดุที่เลือกใช้ ทุกองค์ประกอบร่วมกันสร้างบรรยากาศที่หรูหราแบบผู้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงความอบอุ่นนุ่มนวล เหมาะสำหรับครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับทุกมื้ออาหารให้เป็นโมเมนต์พิเศษในแต่ละวัน
3. ห้องครัว (Kitchen)
ห้องครัวของบ้านหลังนี้ถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ที่ดูอบอุ่นแต่ก็ยังแฝงความเรียบหรูในทุกมุม การจัดสัดส่วนของพื้นที่ใช้งานถูกคิดมาอย่างลงตัว มีทั้งมุมล้าง มุมเตรียมอาหาร และพื้นที่ปรุงอาหารที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน โดยรอบห้องบิ้วอินเต็มพื้นที่ให้ใช้งานได้คุ้มค่าทุกตารางนิ้ว เหมาะสำหรับบ้านที่เน้นการใช้งานครัวจริงจังแบบครอบครัว
จุดเด่นของดีไซน์
• เคาน์เตอร์ครัวบิ้วอินสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ใช้หน้าบานลายลูกฟักสีครีม ตัดกับมือจับสีทองเรียบๆ ช่วยให้ภาพรวมของห้องดูแพงแต่ไม่เวอร์จนเกินไป
• บิ้วอินตู้ครัวรอบห้อง ทั้งบนและล่างแบบเต็มความสูง ใช้พื้นที่แนวตั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมาะกับครัวบ้านเมืองไทยที่ต้องการพื้นที่เก็บของเยอะๆ
• ผนังครัวกรุด้วยหินลายหรู ทั้งบริเวณเคาน์เตอร์เตาและอ่างล้างจาน ช่วยให้เช็ดล้างง่าย แถมยังทำให้ครัวดูสว่างและสะอาดขึ้น
• มีชั้นวางของเปิดโชว์พร้อมไฟซ่อน ด้านข้างเตาอบ ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ห้องดูมีมิติ และยังใช้ตกแต่งด้วยของสะสมหรือของใช้ให้ดูน่ารักได้
• ไฟใต้ตู้บนแบบซ่อน ให้แสงพอดีขณะทำอาหารโดยไม่แยงตา ช่วยให้บรรยากาศห้องครัวดูอบอุ่น ไม่แข็งกระด้าง
• มุมเครื่องใช้ไฟฟ้าบิ้วอินครบ ทั้งเตาอบ ไมโครเวฟ และพื้นที่วางตู้เย็นที่ออกแบบมาให้ลงตัวกับตู้บิ้วอินรอบห้อง
Mood & Concept ที่ต้องการสื่อ
ห้องครัวนี้ให้ความรู้สึกเป็นระเบียบ สะอาด และดูน่าใช้งานในทุกวัน โทนสีขาวครีมช่วยให้ห้องดูสว่างและกว้างขึ้น ในขณะที่ดีเทลเล็กๆ อย่างหน้าบานบิ้วอินและผนังหิน ก็ทำให้ครัวดูพรีเมียมขึ้นแบบไม่ต้องพยายามมาก เป็นครัวที่ตอบโจทย์คนที่ชอบทำอาหาร แต่อยากให้บ้านยังดูเรียบหรูและน่าอยู่ในแบบที่ดูไม่เบื่อครับ
4. โถงชั้นสอง (Second Floor Hall)
พื้นที่โถงชั้นสองเปรียบเสมือนจุดเชื่อมต่อหลักของบ้าน ที่กระจายทางเดินไปยังห้องต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ ดีไซน์ของพื้นที่นี้จึงถูกออกแบบให้ดูเรียบหรูแต่ยังคงความโปร่งโล่ง เพื่อให้เดินผ่านหรือหยุดพักได้อย่างสบายตา อีกทั้งยังเปิดมุมมองให้รับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างบานใหญ่ได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้โซนนี้ดูสว่างและอบอุ่นตลอดวัน
จุดเด่นของดีไซน์
• ผนังบิ้วอินกรุคิ้วบัวรอบด้าน ช่วยให้พื้นที่ดูมีมิติและเรียบหรูตามสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค
• บิ้วอินชั้นโชว์แบบซุ้มโค้ง พร้อมไฟซ่อน ให้ความรู้สึกละมุนและดูมีลูกเล่นแบบไม่เยอะจนเกินไป
• ผนังฝั่งตรงข้ามตกแต่งด้วยกรอบบัวผนัง พร้อมไฟกิ่งทั้งสองด้าน วางงานศิลป์กลางผนังเพิ่มความมีรสนิยม
• ใช้ประตูสีเข้มตัดกับผนังสีอ่อน ช่วยเน้นมิติให้กับโถงโดยรวม ดูมีความเป็นผู้ใหญ่แต่ไม่ทึบ
• พื้น SPC ลายไม้เข้มยังคงเป็นธีมหลักของบ้าน ช่วยส่งเสริมความอบอุ่นแบบหรูหราในสไตล์เดียวกันกับโซนอื่นๆ
Mood & Concept ที่ต้องการสื่อ
พื้นที่นี้ตั้งใจออกแบบให้เป็นโถงที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่ยังดูเรียบร้อย สวยงาม และสามารถตกแต่งเพิ่มกลิ่นอายของความเป็นตัวตนเจ้าของบ้านได้อย่างพอดี เป็นจุดพักสายตาเล็กๆ ที่มอบทั้งความผ่อนคลายและความมีรสนิยมในทุกย่างก้าวบนชั้นสอง.
5. ห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom)
ห้องนอนนี้ออกแบบในโทนขาวดำแบบเรียบหรู สะท้อนกลิ่นอายความคลาสสิคที่ทันสมัย วางแปลนห้องได้อย่างเป็นสัดส่วน ทั้งเตียง โซฟานั่งเล่น และมุมทีวี พร้อมแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเข้ม สร้างบรรยากาศที่สงบและดูดีในทุกมุมมอง
จุดเด่นของดีไซน์
-
เตียงนอนหุ้มกำมะหยี่สีดำ ช่วยให้ห้องดูมีน้ำหนักและหรูขึ้น โทนสีตัดกับผนังสีอ่อน ทำให้เตียงกลายเป็นจุดเด่นของห้อง
-
ผนังหัวเตียงกรุบัวสีขาว ให้ความรู้สึกคลาสสิคแบบอบอุ่น ช่วยเพิ่มมิติให้ห้องโดยไม่ต้องใช้ของตกแต่งเยอะ
-
โซฟานั่งเล่นปลายเตียง เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานในห้องนอน พร้อมโต๊ะกลมเล็กข้างโซฟาที่จัดวางได้ลงตัว
-
บิ้วอินตู้โชว์กระจกฝั่งซ้าย ใช้กระจกลอนแนวตั้งช่วยให้แสงสะท้อนเล่นกับพื้นไม้ได้ดี ให้ความรู้สึกโปร่งเบาและแพง
-
ทางเดินโค้งบริเวณประตู เชื่อมต่อไปยัง walk-in closet หรือห้องน้ำ พร้อมประตูสีเข้มที่ช่วยบาลานซ์ความเรียบให้ดูมีมิติ
-
ผนังทีวีบิ้วอินลายหินอ่อน ผสมกับชั้นวางสีดำด้าน ให้ทั้งความเรียบหรูและใช้งานได้จริง
-
ผนังด้านข้างทีวีทำเป็นซุ้มโค้งและชั้นหนังสือบิ้วอิน เพิ่มความน่าสนใจและใช้พื้นที่ได้คุ้มสุดๆ
Mood & Concept ที่ตั้งใจสื่อ
ห้องนี้สะท้อนความ “เรียบหรูแบบผู้ใหญ่” โดยรวมทุกดีเทลอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นสี วัสดุ และรูปทรง ทุกอย่างทำให้รู้สึกสบายตา น่านอน และยังดูเป็นห้องที่มีรสนิยมแต่ไม่โอ้อวด
6. ห้องนอน 2 (Bedoom 2)
ห้องนอนห้องนี้ออกแบบมาในโทนสีขาว เทา และดำ ให้ความรู้สึกสบายตา เรียบง่าย แต่ยังดูมีรสนิยมแบบโมเดิร์นคลาสสิค พื้นไม้สีเข้มตัดกับผนังและเพดานสีอ่อน ช่วยทำให้บรรยากาศของห้องดูอบอุ่นและผ่อนคลาย เหมาะกับการพักผ่อนจริงๆ
จุดเด่นของดีไซน์
-
เตียงนอนดีไซน์เรียบ แต่ดูมีมิติ ด้วยหัวเตียงหุ้มหนังสีดำที่ตัดกับชุดเครื่องนอนสีขาว ทำให้เตียงดูโดดเด่นแต่ไม่กลบความเรียบหรูของห้อง
-
ผนังหัวเตียงตกแต่งด้วยบัวและกรอบรูปทรงเรขาคณิต ให้ห้องดูมีศิลปะ ไม่โล่งจนเกินไป
-
แสงธรรมชาติจากหน้าต่างบานใหญ่สองด้าน ช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่ง และมีชีวิตชีวามากขึ้น
-
โทนผ้าม่านเลือกใช้แบบทึบผสมโปร่ง ช่วยปรับระดับแสงได้ตามต้องการ และยังให้บรรยากาศที่ดูสงบ
-
ผนังปลายเตียงตกแต่งด้วยกรอบบัวเรียบ พร้อมวางตู้เล็กบิวท์อินสีดำ ที่ดูทันสมัยและใช้งานได้จริง
-
การเลือกเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เช่นเก้าอี้ตัวเล็กและโคมไฟทรงเท่ๆ ทำให้ห้องไม่ดูแน่นเกินไป
Mood & Concept ที่ต้องการสื่อ
ห้องนี้ตั้งใจออกแบบให้ดูเรียบง่าย แต่ยังคงความเรียบหรูแบบผู้ใหญ่ เหมาะกับคนที่ชอบความสงบ ไม่เน้นความหวือหวา แต่ทุกอย่างต้องลงตัวและดูแพงในแบบของมันเอง
7. ห้องนอน 3 (Bedroom 3)
ห้องนอนนี้ออกแบบในโทนสีขาว เทาอ่อน และน้ำตาลเข้ม ให้ความรู้สึกเรียบหรูแบบโมเดิร์นคลาสสิค โดยรวมจะดูโปร่ง สว่าง และมีบรรยากาศที่สงบเหมาะกับการพักผ่อน ใช้ผ้าม่านสองชั้นช่วยกรองแสง ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาแบบพอดีๆ ตลอดทั้งวัน
จุดเด่นของดีไซน์
-
หัวเตียงตกแต่งด้วยผนังบิ้วอิน ที่เพิ่มลูกเล่นด้วยกรอบคิ้วสีขาว และติดไฟซ่อนแสงทั้งสองข้าง ให้ความรู้สึกสมมาตรและสบายตา
-
เตียงบิ้วอินแบบลอยตัว ช่วยให้ห้องดูโล่งและง่ายต่อการทำความสะอาด พร้อมพรมลายเส้นที่เสริมความโมเดิร์น
-
มุมทีวีบิ้วอินเต็มผนัง ตกแต่งด้วยโครงไม้สีเข้มตัดกับแผงสีขาวด้านหลัง และมีไฟซ่อนแสงรอบกรอบ ทำให้ดูหรูแบบพอดีๆ
-
โต๊ะเครื่องแป้งบิ้วอินด้านข้าง จัดพื้นที่ใช้สอยได้ลงตัว โดยคุมโทนด้วยหน้าท็อปหินอ่อนสีอ่อน และเก้าอี้ผ้าทอเนื้อนุ่มเข้ากับพื้นพรมวงกลม
-
ชั้นวางของข้างทีวี วางของตกแต่งหรือหนังสือได้จริง ดูไม่รก เพราะเลือกของมาตกแต่งอย่างพอดี ช่วยเติมความเป็นธรรมชาติและอบอุ่นให้กับห้อง
Mood & Concept ที่ต้องการสื่อ
ห้องนี้เน้นความเรียบง่ายแต่ดูดีแบบไม่พยายามมาก เป็นความหรูแบบที่เข้าถึงได้ ใช้แสงและโทนสีเพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่น และทำให้ทุกเช้ารู้สึกสดชื่น ทุกคืนหลับสบาย
8. ห้องน้ำทั้ง 3 ห้อง (Powder Room & Bathroom)
ห้องน้ำทั้งสามห้องในบ้านหลังนี้ได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและความหรูหรา ด้วยการเลือกใช้วัสดุพรีเมียมอย่างหินอ่อนลายธรรมชาติ กระจกเงาขนาดใหญ่ พร้อมแสงไฟซ่อน (indirect lighting) ที่ให้บรรยากาศอบอุ่น ผ่อนคลายและมีระดับในทุกมุมมอง โดยแต่ละห้องยังแฝงเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของเคาน์เตอร์ อ่างล้างหน้า หรือโทนสีที่ปรับเปลี่ยนอย่างมีจังหวะ
จุดเด่นของดีไซน์
- พื้นและผนังหินอ่อนแบบ Bookmatch หรูหรา : ลวดลายหินอ่อนที่ถูกจัดวางให้สมมาตร เสริมให้บรรยากาศดูมีรสนิยมและคลาสสิคในแบบ Modern Luxury
- โซนแห้งและเปียกถูกแบ่งอย่างชัดเจนด้วยกระจกบานเปลือย : ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง พร้อมเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะในห้องที่มีทั้งอ่างอาบน้ำและ Rain Shower
- ดีไซน์เคาน์เตอร์และอ่างล้างหน้าแบบลอยตัว : ช่วยให้ห้องดูเบาสบาย และดูแลทำความสะอาดได้ง่าย ตัววัสดุเลือกใช้ผิวเรียบด้านที่ดูทันสมัย
- ไฟซ่อนหลังกระจกและบริเวณชั้นวางของ : สร้างบรรยากาศเหมือนอยู่โรงแรมหรู พร้อมเน้นมิติของผนังให้เด่นชัดขึ้น ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งดูโรแมนติก
- ฟังก์ชันครบครัน พร้อมตู้เก็บของบิ้วอิน : การออกแบบให้มีช่องเก็บของทั้งแบบซ่อนและโชว์ ช่วยให้ห้องน้ำดูเรียบร้อย ใช้งานง่าย และยังตกแต่งให้หรูในตัว
- Mood & Concept ที่ตั้งใจสื่อ
ดีไซน์ของห้องน้ำทั้งสามห้องสื่อถึงความผ่อนคลายที่แฝงความภูมิฐานแบบเงียบสงบ (Quiet Luxury) คล้ายกับบรรยากาศห้องน้ำในโรงแรมระดับ 5 ดาว ด้วยการใช้วัสดุที่มี texture จริงจัง ทั้งหิน กระจก โลหะ และไม้เข้มผิวด้าน สื่อถึงการใช้ชีวิตอย่างมีรสนิยม ไม่ฉูดฉาดแต่ทรงพลังในรายละเอียด