เพื่อนๆ เคยมั้ย? เวลานั่งดูรูปห้องนอนมินิมอลใน Pinterest หรือ IG แล้วรู้สึกว่า…ทำไมห้องเขาดูละมุน น่านอน เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์สุดๆ ความจริงแล้วเคล็ดลับมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยครับ แค่รู้ “จังหวะในการเลือกใช้วัสดุ” และ “รายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้ห้องดูมีชีวิต” ก็เปลี่ยนห้องธรรมดาให้กลายเป็นมุมพักผ่อนในฝันได้แล้ว! ซึ่งในบทความนี้ SPSHOMEDESIGN รวมมาให้แล้วกับ 7 เทคนิคแต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล ที่จะช่วยให้ฟีลในห้องของเพื่อนๆ ดูอบอุ่น เก๋ และลงตัวแบบสุดๆ ไม่ต้องเยอะ แต่เนี๊ยบ มีดีเทล และที่สำคัญ…ใช้ได้จริงทุกข้ออย่างเเน่นอนครับ
7 เทคนิค แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล สุดปัง !!
1. การบิ้วอินผนังทีวีช่วยให้ห้องนอนโดดเด่นสุดๆ
เพื่อนๆ ที่มีทีวีในห้องนอน ถ้ายังวางบนชั้นธรรมดาๆ อยู่ ลองอัปเกรดด้วยการบิ้วอินผนังด้านหลังให้ดูมีดีเทลขึ้นนิดนึง เช่น ใช้แผงไม้สีอ่อน หรือกรุวัสดุเรียบๆ สีเดียวกับผนัง เท่านี้ก็ช่วยให้ห้องดูแพงขึ้นทันทีเลยนะ! แถมซ่อนสายไฟได้ด้วย ห้องก็จะดูสะอาดตา ไม่รกสายตา ใครเป็นสายเรียบเป๊ะต้องลองเลยครับ
2. ตกแต่งหัวเตียงด้วยไม้ระแนง เรียบแต่ดูอบอุ่นขึ้นเยอะ
ใครที่รู้สึกว่าผนังหัวเตียงมันโล่งไปหน่อย เพื่อนๆ ลองใช้ไม้ระแนงแนวตั้งติดผนังดูนะ มันให้ฟีลอบอุ่น เหมือนห้องนอนในบ้านญี่ปุ่นเลยล่ะ โดยเลือกสีไม้โทนอ่อน เช่น ไม้แอชหรือโอ๊ค แล้วถ้าอยากให้ดูพรีเมียมขึ้นอีก ลองซ่อนไฟ warm white ไว้ด้านหลังไม้ระแนง รับรองว่าตอนเปิดไฟห้องจะละมุนขั้นสุด แบบไม่ต้องแต่งเยอะก็ชิคได้เลยครับ
3. บิ้วอินตู้เสื้อผ้าแบบเรียบๆ ไม่มีมือจับก็เก๋ได้นะเพื่อนๆ!
ตู้เสื้อผ้าแบบมีมือจับบางทีมันก็ทำให้ห้องดูเยอะเกินไปนิด ลองเปลี่ยนเป็นบิ้วอินแบบ “บานเรียบ” ไม่มีมือจับ (ใช้ระบบกดเปิดแทน) จะช่วยให้ห้องดูเรียบเนียนไปกับผนังเลย โดยเพื่อนๆ เลือกสีที่กลืนกับผนัง เช่น ขาว ครีม หรือเทาอ่อน ห้องจะดูกว้างขึ้นแบบรู้สึกได้จริงๆ แล้วก็ให้ฟีลสไตล์ญี่ปุ่น-เกาหลี ที่ดูคลีนแบบสุดๆ
4. บิ้วอินไฟซ่อนบริเวณฝ้า เติมมิติให้ห้องละมุนขึ้นทันตา
เพื่อนๆ คนไหนอยากให้ห้องนอนดูนุ่มนวลขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งของตกแต่งเยอะ ลองใช้ “ไฟซ่อนบริเวณฝ้า” ดูครับ เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ห้องดูแพงขึ้นแบบไม่ต้องลงทุนมาก โดยเฉพาะถ้าเพื่อนๆ มีฝ้าหลุมหรือฝ้าซ่อนไฟอยู่แล้ว แค่ติด LED Strip แบบ Warm White ซ่อนเอาไว้ขอบใน จะได้แสงที่นุ่มพอดี ไม่แสบตา และกระจายแสงได้ทั่วห้องแบบละมุนสุดๆ นอกจากจะช่วยให้ห้องดูโปรขึ้นแบบห้องโชว์รูมแล้ว ไฟซ่อนยังเหมาะกับตอนกลางคืนมากๆ เพราะไม่สว่างเกินไป แต่ก็ยังให้แสงพอสำหรับเดินหรือทำอะไรเบาๆ ก่อนนอนได้สบายๆ เลยครับ แค่เปลี่ยนมุมมืดให้มีแสงอ่อนๆ สักหน่อย ก็ทำให้ห้องดูมีมิติขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิด!
5. เพิ่มชีวิตให้ห้องด้วยต้นไม้ฟอร์มเก๋ๆ
เพื่อนๆ รู้มั้ย แค่มีต้นไม้ในห้องสักต้น มู้ดมันเปลี่ยนเลยนะ! ไม่ต้องจัดอะไรใหญ่โตเลย แค่เลือกต้นเล็กๆ อย่างยางอินเดีย มอนสเตอร่า หรือลิ้นมังกร แล้วใส่กระถางสีเรียบๆ วางไว้ตรงมุมห้องไม่ว่าจะวางข้างเตียง หน้าต่าง หรือบนโต๊ะ ก็ช่วยให้ห้องดูมีชีวิต มีความสดชื่นขึ้นเยอะเลย ที่สำคัญยังถ่ายรูปขึ้นกล้องมากๆ ด้วยนะ มุมนี้ไว้ลง IG ได้เลย
6. บิ้วอิน Bay Window เก๋ๆ เป็นมุมพักใจที่ทั้งน่ารักและน่าใช้สุดๆ
เพื่อนๆ คนไหนมีหน้าต่างยาวๆ ในห้องนอน อย่าปล่อยให้มันว่างเปล่าไปเฉยๆ นะ ลอง “บิ้วอินเบย์วินโดว์” (Bay Window) ให้เป็นมุมนั่งเล่นเก๋ๆ ดูสิ แล้วจะตกหลุมรักแบบถอนตัวไม่ขึ้น! แค่ทำฐานที่นั่งยื่นออกมาเล็กน้อย ใต้ฐานอาจทำเป็นช่องเก็บของเพิ่ม หรือใส่ลิ้นชักให้เก็บผ้าห่ม หมอนข้าง หรือของใช้เล็กๆ ได้สบาย แล้ววางเบาะนุ่มๆ กับหมอนอิงโทนอบอุ่นสัก 2-3 ใบ เท่านี้ก็กลายเป็นมุมอ่านหนังสือ ชงกาแฟ หรือแม้แต่นั่งเหม่อชิลๆ ได้ทั้งวัน
7. บิ้วอินลวดลายโค้งมน เพิ่มความละมุนแบบไม่ต้องแต่งเยอะ
เพื่อนๆ เคยรู้สึกมั้ยว่าเวลาห้องมีแต่เส้นตรง มุมเหลี่ยม มันจะดูแข็งๆ เรียบเกินไปจนขาดความละมุน? ลองใส่ดีเทลแบบ “โค้งมน” เข้าไปบ้างดูครับ ไม่ต้องเยอะก็ช่วยให้ห้องดูน่ารักขึ้นได้แบบไม่หลุดจากความมินิมอลเลย โดยเทคนิคนี้ทำได้หลายแบบเลยนะ เช่น ทำซุ้มโค้งตรงหัวเตียง ผนังทีวี หรือแม้แต่ขอบชั้นวางของให้มีความมนเล็กๆ ก็ช่วยเปลี่ยนฟีลให้ห้องดู soft มากขึ้นทันตา ถ้าใครบิ้วอินเฟอร์นิเจอร์ ลองแจ้งช่างให้ตีลายโค้งไว้บางจุด หรือเลือกเฟอร์นิเจอร์หัวมนแทนแบบเหลี่ยมๆ ทั้งหมด ก็ช่วยบาลานซ์ความรู้สึกแข็งกับนุ่มได้ดีเลย สไตล์นี้จะให้ฟีลละมุนแบบ Korean-Minimal ที่ยังดูเรียบแต่มีความเป็นมิตร เหมาะกับเพื่อนๆ ที่อยากให้ห้องนอนดูอบอุ่นขึ้นโดยไม่ต้องใช้ของแต่งเยอะเลยครับ
บทความน่าสนใจเพิ่มเติม :
🎨 โทนสีแบบไหน…ที่ใช่สำหรับ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล ของเพื่อนๆ?
ถ้าเพื่อนๆ อยากแต่งห้องนอนสไตล์มินิมอลให้ออกมาสวยเรียบแต่ไม่จืดเกินไป เรื่อง “โทนสี” นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากๆ เลยนะ เพราะโทนสีที่เราเลือก จะส่งผลกับทั้งอารมณ์ของห้อง และความรู้สึกของคนที่อยู่ในห้องแบบชัดเจนเลยล่ะ วันนี้เราเลยมีแนวทางเลือกโทนสีให้เหมาะกับ “มู้ดที่เพื่อนๆ อยากได้” มาฝากกัน ลองดูกันว่าเพื่อนๆ สไตล์ไหน แล้วจับคู่สีให้เข้ากันแบบมินิมอลที่ดูมีชีวิต ไม่แบน ไม่จืดแน่นอนครับ!
1. โทนสีขาว / ครีม / เบจ – สำหรับเพื่อนๆ สายละมุน อบอุ่น น่านอน
ถ้าเพื่อนๆ อยากให้ห้องนอนดูโปร่งโล่ง น่าพักผ่อน และมีความ soft tone แบบ Pinterest สุดๆ แนะนำให้ใช้กลุ่มสีขาวนวล สีครีม หรือเบจอ่อนเป็นโทนหลักครับ สีพวกนี้จะช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติได้ดี ทำให้ห้องดูสว่างและกว้างขึ้นแบบทันตา หรือลองจับคู่กับผ้าปูเตียงลินินสีเอิร์ธโทน และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน เช่น เตียงไม้โอ๊ค หรือตู้ลามิเนตลายไม้ จะให้ฟีลละมุนแบบอบอุ่นน่ากอดมากๆ เลยครับ
2. โทนสีเทาอ่อน / น้ำตาลอ่อน – สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบความนิ่ง เรียบ หรูดูแพง
ถ้าเพื่อนๆ อยากได้ห้องที่ดู “นิ่งแต่มีมิติ” โทนเทาอ่อนหรือสีน้ำตาลอ่อนจะช่วยบาลานซ์ความเรียบกับความมีสไตล์ได้ดีสุดๆสีพวกนี้ให้ความรู้สึกเหมือนห้องในโรงแรมญี่ปุ่นหรือห้องตัวอย่างของโครงการหรูๆ เลยครับ โดยเทคนิคง่ายๆ คือเลือกผนังสีอ่อน แล้วใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มี texture เช่น ผ้าหรือไม้ เพื่อเพิ่มความอบอุ่น ถ้าอยากหรูขึ้นอีกนิดก็เพิ่มของตกแต่งโลหะสีทองแชมเปญเข้าไปหน่อย รับรองว่าเรียบแต่แพงแบบไม่ต้องพยายาม!
3. จับคู่สี “ไม้ธรรมชาติ” กับ “ผนังสีขาว” – คลาสสิกและมินิมอลตลอดกาล
เพื่อนๆ ที่ไม่อยากคิดเยอะ แต่อยากได้ห้องที่สวยแน่นอน แนะนำให้ใช้ “ไม้ธรรมชาติ” เป็นเบสเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นงานพื้น งานบิ้วอิน หรือเฟอร์นิเจอร์ แล้วให้ผนังเป็นสีขาวล้วน การจับคู่แบบนี้คือสูตรสำเร็จของห้องมินิมอลสไตล์ Japandi ที่ทั้งอบอุ่น นุ่มนวล และให้ฟีลสงบเหมาะกับการพักผ่อนสุดๆ บอกเลยว่าใครได้ลองใช้สีแนวนี้ จะรู้เลยว่าห้องดูไม่โล่ง แต่ก็ไม่รก และอยู่ได้นานแบบไม่เบื่อเลยจริงๆ ครับ
มู้ดแอนด์โทนแบบไหน เหมาะกับห้องนอนสไตล์มินิมอลของเพื่อนๆ ที่สุด?
แต่งห้องนอนให้มินิมอลยังไม่พอ ถ้าอยากให้ห้องดู “เป็นตัวเรา” แบบไม่จืดจางจนเกินไป เพื่อนๆ ต้องลองหามู้ดแอนด์โทนที่เข้ากับสไตล์ของตัวเองก่อนเลย เพราะแต่ละแบบให้ความรู้สึกต่างกัน และส่งผลต่ออารมณ์เวลาอยู่ในห้องแบบชัดเจนมาก ลองมาดูกันว่ามู้ดแบบไหนตรงกับใจเพื่อนๆ มากที่สุด!
☁️ 1. Minimal Cozy – สายอบอุ่น น่ากอด น่าพักผ่อนสุดๆ
ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนที่ชอบห้องฟีลสบายๆ ไม่เคร่งเกินไป แต่ยังอยากให้ดูมีความเป็นมินิมอล Minimal Cozy คือคำตอบเลยครับ โทนสีจะเน้นอบอุ่นเป็นหลัก เช่น ขาว ครีม เบจ น้ำตาลอ่อน และใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้ ผ้าฝ้าย หรือลินินเป็นตัวหลัก มีผ้าม่านโปร่ง พรมเนื้อนุ่ม หมอนอิงฟูๆ เป็นพร็อพเสริม ช่วยให้ห้องนุ่มนวลทั้งบรรยากาศและแสงที่สะท้อนเข้ามา โดยฟีลของห้องแบบนี้คือเหมือนอยู่ใน Airbnb ในเกียวโต หรือคาเฟ่ญี่ปุ่นที่มีแสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง เหมาะกับคนที่อยากให้ห้องนอนเป็นพื้นที่ “พักใจ” อย่างแท้จริงครับ
🌿 2. Minimal Japandi – เรียบ สงบ สมดุลแบบญี่ปุ่นผสมสแกนดิเนเวีย
ถ้าเพื่อนๆ รักความสมดุลของดีไซน์ที่ทั้งอบอุ่นและเป็นระเบียบ Japandi เป็นมู้ดแอนด์โทนที่ตอบโจทย์มากๆ สไตล์นี้ผสมระหว่างความนิ่งของญี่ปุ่นกับความอบอุ่นแบบสแกนดิเนเวีย เน้นโทนเอิร์ธโทน ไม้ธรรมชาติ สีขาว เทาอ่อน ผ้าเนื้อหยาบเล็กน้อย และเฟอร์นิเจอร์ทรงเรียบแต่มีรายละเอียด โดยห้องจะให้ฟีลสงบ มีสมาธิ ไม่เยอะแต่ครบ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการของตกแต่งมาก แต่เน้นความรู้สึก “สงบ สบาย และอยู่ได้นานแบบไม่เบื่อ” บอกเลยว่ามินิมอลสายนี้อยู่แล้วไม่ว้าวแค่วันแรก…แต่จะหลงรักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันครับ
🖤 3. Minimal Modern – เรียบ เท่ มีดีเทลแบบผู้ใหญ่
เพื่อนๆ คนไหนชอบความเท่ เนี้ยบ และเรียบแบบมีดีเทล Minimal Modern คือทางเลือกที่ใช่แน่นอน! โทนสีจะเข้มขึ้นนิด เช่น เทาเข้ม ดำ ขาว และน้ำตาลช็อกโกแลต การตกแต่งจะคมชัดและมีเส้นสายที่ชัดเจน ใช้วัสดุเนื้อด้าน เหล็ก ผิวกำมะหยี่ หรือกระจกเงาเข้ามาผสมเพื่อเพิ่มความหรูแบบไม่ฟุ้ง จะทำให้ฟีลห้องจะให้ความรู้สึก “โต” มีคลาส เหมาะกับคนวัยทำงาน หรือคนที่ชอบความรู้สึกของห้องโรงแรมหรูแบบ Urban luxury และที่สำคัญคือ ไม่ต้องมีของเยอะ แต่ทุกชิ้นต้องเป๊ะและมีฟังก์ชันครับ
✨4. Minimal Luxury – เรียบหรู ดูแพง แต่ไม่เยอะเกินไป
ถ้าเพื่อนๆ อยากได้ห้องนอนที่เรียบง่ายแต่ “ให้ความรู้สึกแพงตั้งแต่เปิดประตูเข้าไป” สไตล์นี้เหมาะมากครับ โทนสีจะเน้นขาว เทา ครีม ทองอ่อน หรือแชมเปญ ผสมกับวัสดุที่มีความเงาเล็กน้อย เช่น หินอ่อน กระจกเงา ทองแปร๊บไม่ต้อง ขอแค่มีความระยิบบางจุดก็ดูหรูขึ้นมาแบบไม่หลุดจากความมินิมอล ห้องจะดูโปรเหมือนห้องตัวอย่างบ้านราคา 10 ล้านขึ้นไป เหมาะกับคนที่อยากได้น้อยชิ้นแต่มี impact และเชื่อในการลงทุนกับดีไซน์ระยะยาว บอกเลยว่าอยู่ไปกี่ปีห้องก็ยังดูดีเหมือนใหม่อยู่ตลอดครับ
💡 แสงก็สำคัญ! เทคนิคเลือกไฟให้ห้องนอนดูนุ่มและน่านอนขึ้น 2 เท่า
เพื่อนๆ รู้มั้ย…แสงไฟนี่แหละ คือตัวเปลี่ยนอารมณ์ของห้องนอนได้แบบขั้นสุดเลยนะ! บางห้องตกแต่งมาดีแล้ว แต่พอเปิดไฟออกมา กลายเป็นห้องดูแข็ง แสงจ้าเกินไป จนรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในออฟฟิศ ไม่ใช่ห้องนอนที่ควรจะชวนหลับเลยสักนิด
จริงๆ แล้วแสงที่เหมาะกับห้องนอนควรเป็นแสงที่ นุ่ม อุ่น และไม่แสบตา โดยเฉพาะช่วงก่อนเข้านอน เพราะจะช่วยให้ร่างกายค่อยๆ ผ่อนคลาย และนอนหลับได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ
1. เลือกใช้ไฟ Warm White (แสงเหลืองนวล) แทนไฟ Cool White
เพื่อนๆ หลายคนอาจเคยชินกับแสงขาวๆ สว่างๆ (Cool White) ซึ่งเหมาะกับห้องทำงานหรือห้องครัวมากกว่า เพราะช่วยกระตุ้นสมอง แต่กับห้องนอน ผมแนะนำให้ใช้ Warm White (แสงเหลืองนวล) แทนเลยครับ เพราะมันให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลายเหมือนแสงอาทิตย์ช่วงเย็นๆ ทำให้บรรยากาศในห้องดูน่านอนแบบไม่รู้ตัว
2. เพิ่มไฟซ่อน (Indirect Lighting) ให้ห้องดูละมุนแบบหรูๆ
ไฟซ่อนเป็นอีกเทคนิคที่เปลี่ยนห้องนอนธรรมดาให้ดูแพงขึ้นแบบทันตา โดยเฉพาะถ้าเพื่อนๆ บิ้วอินผนังหรือหัวเตียงไว้ ลองซ่อนไฟ LED Strip ไว้ด้านหลัง หรือใต้ขอบเฟอร์นิเจอร์ จะได้แสงที่นุ่ม ละลาย ไม่แยงตา แต่สว่างพอให้เห็นมิติของห้อง เเต่ไฟซ่อนไม่ได้แค่สวยนะครับ แต่ยังช่วยทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้นโดยไม่ต้องเปิดไฟหลักแรงๆ ด้วย บอกเลยว่าตื่นมากลางคืนก็ยังสบายตาสุดๆ
3. โคมไฟข้างเตียงทรงมินิมอล เพิ่มบรรยากาศให้ห้องดูมีชั้นเชิง
ถ้าเพื่อนๆ อยากได้มุมพักผ่อนที่ดูมีดีเทล ลองเลือกโคมไฟหัวเตียงทรงกลมเรียบๆ หรือทรงโค้งที่เข้ากับบรรยากาศมินิมอล ใช้แสง warm white แล้วเปิดเฉพาะมุมตอนกลางคืน จะช่วยให้ห้องดู cozy เหมือนอยู่โรงแรมหรูๆ เลยครับ แถมยังเป็นพร็อพถ่ายรูปที่ดีมากด้วยนะ! แค่มีโคมไฟสวยๆ สักอัน ก็ทำให้มุมหัวเตียงดูมีอะไรขึ้นอีกเยอะ
4. วางแผนไฟหลัก + ไฟรอง ให้แสงดูสมดุล ไม่แข็งจนเกินไป
ไฟหลักในห้องนอนควรติดแบบกระจายแสง ไม่แยงตา เช่น ไฟดาวน์ไลท์หรือโคมซ่อนฝ้าดีไซน์เรียบ ส่วนไฟรอง เช่น ไฟหัวเตียง ไฟอ่านหนังสือ หรือไฟซ่อนใต้เฟอร์นิเจอร์ จะคอยช่วยเพิ่มมิติ ทำให้แสงในห้องไม่ดูแข็งหรือนิ่งเกินไป โดยเทคนิคนี้จะทำให้เพื่อนๆ ปรับ mood ห้องได้หลากหลาย ไม่ว่าจะนอนเล่น ชงชา อ่านหนังสือ หรือจัดมุมถ่ายรูป—all in one ห้องเดียวเอาอยู่ครับ!
💸 แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล ยังไงให้สวย…แบบไม่เกินงบ!
แต่งห้องมินิมอลให้สวยไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเสมอไปนะเพื่อนๆ แค่รู้จักเลือกใช้วัสดุให้ฉลาด บิ้วอินให้ตรงจุด และใช้ของตกแต่งที่มีทั้งความสวยและฟังก์ชัน ก็ช่วยประหยัดงบได้เพียบ มาดูกันเลยว่าเราจะประหยัดยังไงได้บ้าง!
1. ใช้วัสดุทดแทนไม้จริง แต่ยังได้ฟีลอบอุ่นเหมือนเดิม
ถ้าเพื่อนๆ อยากได้ความอบอุ่นของไม้แต่ไม่อยากเจ็บราคา ลองใช้ลามิเนตลายไม้หรือแผ่นไม้ HMR ปิดผิวโทนธรรมชาติแทนไม้จริง ได้ฟีลใกล้เคียงมาก แถมราคาถูกกว่าครึ่ง แถมยังดูแลรักษาง่ายด้วยนะ
2. บิ้วอินเฉพาะจุดที่จำเป็น ไม่ต้องทำทั้งห้องก็สวยได้
อยากบิ้วอินให้ห้องดูเนี๊ยบแต่อยากเซฟงบ เพื่อนๆ เลือกบิ้วเฉพาะจุดที่ใช้งานจริงก็พอ เช่น ผนังทีวี ตู้เสื้อผ้า หรือโต๊ะเครื่องแป้ง แค่ดีไซน์ให้เรียบ ไม่มีลวดลายเยอะ และใช้วัสดุที่ราคาไม่แรง ก็สวยแบบดูแพงได้เหมือนกัน
3. เลือกของตกแต่งที่มีฟังก์ชันในตัว ในการ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล
ของบางชิ้นก็ทำได้หลายหน้าที่ ลองเลือกโคมไฟที่ช่วยทั้งให้แสงและตกแต่งมุมห้องให้ดูชิค หรือชั้นวางของที่โชว์ต้นไม้ไปในตัวได้ ไม่ต้องซื้อของเยอะ แต่เลือกชิ้นที่ “ตอบโจทย์หลายอย่าง” จะช่วยประหยัดทั้งพื้นที่และเงินในกระเป๋าเลยครับ
4. ใช้พรม ม่าน หรือของผ้านุ่มๆ ช่วยเติมฟีลหรูแบบประหยัด
ของพวกนี้ไม่แพงแต่ช่วยเปลี่ยนอารมณ์ห้องได้เยอะมากเลยนะ! แค่พรมผืนเดียวที่ปลายเตียง หรือผ้าม่านโปร่งๆ สีขาว ก็ทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้นทันที ยิ่งถ้าเพื่อนๆ จับคู่สีให้แมตช์กับผนังและเฟอร์นิเจอร์ด้วยนะ…ห้องจะดูแพงขึ้นแบบแทบไม่ต้องจ่ายเพิ่มเลย
สรุปบทความ 7 เทคนิค แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล สุดเก๋
ห้องนอนมินิมอลไม่จำเป็นต้องจืดหรือว่างเปล่าเสมอไป เพราะแค่เลือกใช้เทคนิคการตกแต่งให้เหมาะ ก็สามารถเปลี่ยนห้องธรรมดาให้กลายเป็นมุมพักผ่อนที่ทั้งอบอุ่น สบายตา และดูมีสไตล์ได้แบบไม่ต้องเยอะ เริ่มตั้งแต่การบิ้วอินผนังทีวีให้เรียบหรู ใช้ไม้ระแนงตกแต่งหัวเตียงเพื่อเพิ่มความละมุนแบบธรรมชาติ รวมถึงบิ้วอินตู้เสื้อผ้าแบบบานเรียบไม่มีมือจับที่ช่วยให้ห้องดูสะอาดตาและกว้างขึ้น นอกจากนี้ยังแนะนำให้เลือกโคมไฟติดผนังแทนโคมตั้งโต๊ะเพื่อประหยัดพื้นที่ วางต้นไม้เพิ่มชีวิตชีวา ติดกระจกทรงโค้งให้ห้องดูโปร่ง และเลือกใช้ม่านโปร่งโทนอ่อนเพื่อสร้างบรรยากาศละมุนยามแสงแดดส่องเข้ามา
ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่เพื่อนๆ สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้จริง ไม่ว่าจะเป็นสาย cozy สายเรียบเท่ หรือหวานนิดๆ แบบ soft minimal แค่เข้าใจ mood & tone ที่ใช่ แล้วเลือกวัสดุ สี และแสงให้ไปในทิศทางเดียวกัน ห้องนอนของเพื่อนๆ ก็จะกลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขที่อยากใช้เวลาอยู่ด้วยทั้งวันแน่นอนครับ