แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล คือห้องที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เน้นดีไซน์เรียบง่ายแต่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายฟังก์ชัน เช่น โซฟาเบด เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของ โต๊ะวางทีวีที่สามารถเก็บของได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้ห้องเป็นระเบียบ โดยหลักการของการตกแต่งสไตล์มินิมอลคือไม่มีของที่ไม่จำเป็นหรือเกินความจำเป็นมาทำให้ห้องรก นั่นเอง วันนี้ทางทีมงาน SPS HOME DESIGN ได้รวบรวมข้อมูล 7 ไอเดีย การแต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล ที่จะเปลี่ยนห้องนอนของคุณให้มีสีสัน น่านอน เเละอบอุ่นมากขึ้น มาให้ชมดังนี้นะครับ
คอนเซ็ปต์ของการ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล คืออะไร?
7 เทคนิคที่น่าสนใจในการ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล ให้น่านอน
1. ให้ความสำคัญกับการเลือกโครงสร้างของเตียงนอน
เตียงนอนเป็นจุดศูนย์กลางของห้อง การเลือกโครงเตียงที่มีดีไซน์เรียบง่ายจะช่วยให้ห้องดูมินิมอลขึ้นทันที ควรเลือกวัสดุที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เช่น เตียงไม้สีอ่อน หรือถ้าชอบสไตล์โมเดิร์น อาจเลือกเตียงเหล็กสีดำหรือสีขาว ส่วนชุดเครื่องนอนก็ควรเน้นโทนสีอ่อน หรือสีเอิร์ธโทน เพื่อให้ดูสบายตาและน่านอน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงเตียงที่มีดีไซน์เทอะทะ หัวเตียงหนาๆ หรือมีลวดลายเยอะๆ เพราะจะทำให้ห้องดูแน่นเกินไป
ตัวอย่าง :
- ถ้าอยากให้ห้องดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ ลองใช้เตียงไม้โอ๊คอ่อนๆ คู่กับผ้าปูที่นอนสีขาวครีม
- ถ้าชอบความเรียบเท่ ลองใช้เตียงเหล็กสีดำหรือสีเทาเข้ม คู่กับชุดเครื่องนอนสีขาว เทา หรือน้ำตาลอ่อน
2. เน้นแต่สิ่งของจำเป็น ตามคอนเซ็ปต์ Less is more
แนวคิดของมินิมอลคือ “น้อยแต่มาก” ดังนั้น ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ตู้เสื้อผ้า เตียง โต๊ะข้างเตียง และโคมไฟ โดยแนะนำให้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันเสริม เช่น เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของ หรือตู้เสื้อผ้าบิวท์อินที่ช่วยประหยัดพื้นที่ ซึ่งจะช่วยทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งขึ้น นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงของตกแต่งที่ไม่จำเป็น เช่น กรอบรูปเยอะๆ หมอนอิงหลายใบ หรือของจุกจิกที่อาจทำให้ห้องดูรก
ตัวอย่าง :
- ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินที่มีดีไซน์เรียบๆ ไม่มีมือจับ จะช่วยให้ห้องดูมินิมอลและไม่รก
- โต๊ะเครื่องแป้งแบบติดผนัง หรือชั้นวางของแบบลอยตัว จะช่วยให้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น
บทความน่าสนใจ :
3. การใช้เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินทำให้ห้องดูเนียนตาและเป็นระเบียบ
เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้ห้องนอนมินิมอลดูเรียบร้อยและมีความเป็นระเบียบมากขึ้น เนื่องจากการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับผนังหรือพื้นที่เฉพาะจะทำให้ห้องดูไม่รกและใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายและไม่เกะกะ ช่วยให้ห้องดูสะอาดตาและสวยงาม นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินยังสามารถออกแบบให้มีฟังก์ชันเสริม เช่น ช่องเก็บของภายในที่ช่วยจัดระเบียบสิ่งของต่างๆ ได้ดีขึ้น
ตัวอย่าง :
- การใช้ตู้บิวท์อินที่เชื่อมต่อกับผนังทั้งห้อง เช่น ตู้เสื้อผ้าที่ซ่อนช่องเก็บของในตัว หรือชั้นวางของที่ฝังในผนัง จะช่วยให้ห้องดูเนียนตาและไม่เสียพื้นที่
- การออกแบบเตียงบิวท์อินที่มีพื้นที่เก็บของใต้เตียงหรือผนังติดเตียงช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อย่างคุ้มค่าโดยไม่ต้องใช้เฟอร์นิเจอร์มากมาย
4. ตู้เก็บของเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยเพิ่มความเป็นระเบียบให้กับห้อง
การมีพื้นที่เก็บของที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับห้องนอนมินิมอล เพราะจะช่วยลดความยุ่งเหยิงและทำให้ห้องดูเรียบร้อยและโปร่งขึ้น ตู้เก็บของบิวท์อินที่มีดีไซน์เรียบง่ายและไม่รกตาจะช่วยเพิ่มฟังก์ชันในการเก็บของโดยไม่ทำให้ห้องแออัด นอกจากนี้ การเลือกตู้ที่มีฟังก์ชันเก็บของหลายชั้นหรือมีช่องเก็บของซ่อนอยู่จะทำให้การจัดระเบียบในห้องนอนง่ายขึ้น
ตัวอย่าง :
- เลือกตู้บิวท์อินที่มีการซ่อนช่องเก็บของในบริเวณเตียง เช่น ตู้ใต้เตียง หรือชั้นวางของที่ติดผนังจะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของโดยไม่ทำให้ห้องดูยุ่งเหยิง
- ตู้เก็บของที่มีดีไซน์เรียบๆ และไม่มีมือจับ เช่น ตู้ที่เปิดปิดด้วยระบบลื่น หรือมีการออกแบบแบบฝาผนังจะช่วยให้ห้องดูสะอาดตาและเป็นระเบียบ
5.เลือกใช้หน้าต่างบานใหญ่ ดีไซน์เรียบเพื่อเพิ่มความโปร่งให้กับห้อง
หน้าต่างบานใหญ่ไม่เพียงแต่ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องได้มากขึ้น แต่ยังทำให้ห้องดูโปร่งและกว้างขึ้นด้วย การเลือกใช้หน้าต่างที่มีดีไซน์เรียบง่ายจะช่วยเสริมบรรยากาศมินิมอลให้สมบูรณ์แบบขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกรอบหน้าต่างไม้สีอ่อน หรืออะลูมิเนียมสีขาว ก็จะทำให้ห้องดูทันสมัยและสวยงามมากขึ้น นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ผ้าม่านที่มีดีไซน์สะอาดตา เช่น ม่านผ้าเรียบสีขาว หรือม่านลินินสีอ่อน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสบายตาและไม่ทำให้ห้องดูอึดอัด
ตัวอย่าง :
- หากห้องของคุณมีหน้าต่างขนาดใหญ่ ลองใช้ผ้าม่านโปร่งแสงสีขาวหรือครีม เพื่อให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้มากและห้องดูกว้างขึ้น
- สำหรับการเพิ่มความอบอุ่นในห้อง ลองใช้ม่านลินินสีอ่อน หรือม่านไม้ไผ่ที่มีดีไซน์เรียบ เพื่อให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติและน่าอยู่
5 เทคนิคการคุมโทนสีในการ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล
1. เลือกใช้สีโทนอ่อนเป็นหลัก
โทนสีที่เหมาะกับห้องนอนมินิมอลคือ สีขาว ครีม เบจ เทาอ่อน และเอิร์ธโทน เพราะเป็นสีที่ดูสะอาดตา ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และช่วยให้บรรยากาศสงบเหมาะกับการพักผ่อน หากอยากให้ห้องดูมีมิติขึ้น ลองใช้โทนอ่อนหลายๆ เฉดผสมกัน เช่น สีขาวคู่กับสีเบจ หรือสีเทาอ่อนกับสีครีม
2. ใช้สีไม้ธรรมชาติเป็นตัวช่วย
สีของไม้ธรรมชาติ เช่น ไม้โอ๊ค ไม้สน หรือไม้สีอ่อน จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับห้องนอนมินิมอลได้ดี ลองเลือกเตียง โต๊ะ หรือชั้นวางของที่เป็นไม้โทนธรรมชาติ แล้วจับคู่กับผ้าปูที่นอนสีขาวหรือสีเบจ รับรองว่าห้องจะดู cozy และผ่อนคลายสุดๆ
3. เติมสีเข้มเล็กน้อยให้ดูมีมิติ
แม้ว่าห้องนอนมินิมอลจะเน้นโทนสีอ่อน แต่การเติมสีเข้มลงไปบ้างจะช่วยให้ห้องดูไม่จืดเกินไป เช่น เพิ่มหมอนอิงสีเทาเข้ม ผ้าม่านสีน้ำตาล หรือแจกันสีดำ ก็จะช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับห้องและทำให้ดูมีสไตล์มากขึ้น
4. คุมโทนสีของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งให้ไปในทางเดียวกัน
อย่าให้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งตัดกันเกินไป เช่น ถ้าห้องเป็นโทนขาว-เบจ ก็ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน และของตกแต่งอย่างโคมไฟ หรือพรมที่อยู่ในโทนเดียวกัน จะช่วยให้ห้องดูเป็นเอกภาพ และกลมกลืนกันมากขึ้น
5. ใช้สีเขียวจากต้นไม้เพิ่มความสดชื่น
สีเขียวจากต้นไม้ช่วยทำให้ห้องมินิมอลดูเป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวาขึ้น โดยเลือกต้นไม้ขนาดเล็กที่ดูแลง่าย เช่น ต้นกวักมรกต ต้นเดหลี หรือกระบองเพชร นอกจากจะช่วยคุมโทนให้ดูเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยฟอกอากาศได้อีกด้วย
สรุป : การคุมโทนสีในห้องนอนสไตล์มินิมอล ต้องเลือกใช้สีอ่อนเป็นหลัก เพิ่มความอบอุ่นด้วยสีไม้ธรรมชาติ เติมสีเข้มเล็กน้อยเพื่อให้ดูมีมิติ และคุมโทนเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากัน สุดท้ายเพิ่มสีเขียวจากต้นไม้เพื่อให้ห้องดูมีชีวิตชีวา เท่านี้ห้องนอนของคุณก็จะดูสวยเรียบง่าย และน่าอยู่สุดๆ 💛✨
บทความน่าสนใจ :
ข้อดีของการ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล มีอะไรบ้าง ?
1. การ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล เป็นสไตล์ที่น่าดึงดูด
หากต้องการให้ของสักชิ้นดูโดดเด่นขึ้นมา การนำของชิ้นนั้นไปวางไว้โดดๆ เพียงชิ้นเดียว เทียบกับการนำไปวางรวมกับของอื่นๆ หลายชิ้น ก็คงไม่ยากที่จะตอบได้ว่าการจัดวางแบบไหนทำให้ของชิ้นนั้นโดดเด่นกว่า เช่นเดียวกันกับการแต่งห้องสไตล์มินิมอล ที่แม้จะดูเรียบๆ แต่กลับแฝงไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้บรรยากาศดูน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายของเฟอร์นิเจอร์ การเลือกโทนสีที่ลงตัว หรือการใช้แสงธรรมชาติให้เกิดมิติภายในห้อง
2. การ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล มีข้าวของน้อยชิ้นช่วยให้สบายตา
ห้องนอนที่มีเฟอร์นิเจอร์และของใช้เท่าที่จำเป็น จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เพราะยิ่งมีข้าวของมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความวุ่นวายในชีวิตมากขึ้นเท่านั้น นอกจากจะช่วยลดความยุ่งเหยิงภายในห้องแล้ว ยังช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิดีขึ้นอีกด้วย อีกทั้งห้องที่โล่งโปร่งยังช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก ทำให้บรรยากาศภายในห้องสดชื่น ไม่อับชื้น ซึ่งส่งผลดีต่อการพักผ่อนและช่วยให้หลับสนิทขึ้น
3. การ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล ทำความสะอาดง่าย สะดวก สบาย
ใครที่ทำความสะอาดบ้านเองคงเข้าใจดีว่า การจัดระเบียบและดูแลบ้านเป็นเรื่องที่ใช้พลังงานมาก ยิ่งถ้าหากมีของตกแต่งเยอะๆ ก็ต้องใช้เวลาในการปัด กวาด เช็ด ถู มากขึ้นไปอีก ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดโดยไม่รู้ตัว แต่การแต่งห้องสไตล์มินิมอลที่มีของน้อยชิ้น จะช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาจัดของจุกจิก และยังช่วยลดฝุ่นสะสมที่อาจเป็นสาเหตุของภูมิแพ้อีกด้วย
4. แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล จะช่วยประหยัดเงิน ไม่ต้องซื้อของตกแต่งเยอะ
ข้อดีอีกอย่างของห้องสไตล์มินิมอลคือช่วยประหยัดงบประมาณ เพราะแนวคิดของสไตล์นี้คือการเลือกใช้ของที่จำเป็นจริงๆ ทำให้ไม่ต้องเสียเงินไปกับของตกแต่งที่ไม่จำเป็นหรือของที่ใช้เพียงชั่วคราว นอกจากนี้ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพและดีไซน์คลาสสิก ก็ช่วยให้สามารถใช้งานได้นาน โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ ซึ่งต่างจากการแต่งห้องตามเทรนด์ที่อาจต้องเปลี่ยนสไตล์ไปเรื่อยๆ ตามแฟชั่น
5. แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล สามารถสร้างบรรยากาศที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดี
การแต่งห้องแบบมินิมอลช่วยให้บรรยากาศในห้องดูสงบ ผ่อนคลาย และเหมาะกับการพักผ่อน สีโทนอ่อน เช่น ขาว ครีม เบจ หรือสีเอิร์ธโทน จะช่วยให้รู้สึกอบอุ่นและสบายตา ยิ่งถ้ามีแสงธรรมชาติเข้ามาในห้อง จะช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น นอกจากนี้ การมีพื้นที่โล่งๆ ภายในห้อง ยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ลดความรู้สึกอึดอัด และทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
6. ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันและเป็นระเบียบ
ห้องที่ตกแต่งแบบมินิมอลไม่ได้มีแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกขึ้น เพราะทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ไม่ต้องเสียเวลาหาของ หรือจัดระเบียบข้าวของอยู่บ่อยๆ เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้มักมีฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอย เช่น เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของ โต๊ะเครื่องแป้งแบบติดผนัง หรือชั้นวางของแบบบิวท์อิน ซึ่งช่วยให้ห้องดูเรียบร้อยและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล เหมาะกับใคร ?
✅ คนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่ชอบความวุ่นวาย
ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความรก หรือข้าวของเยอะๆ การแต่งห้องสไตล์มินิมอลจะช่วยให้ห้องดูโปร่ง โล่ง และสบายตา เหมาะกับคนที่ชอบอยู่ในบรรยากาศที่สงบ ไม่อึดอัด
✅ คนที่ต้องการให้ห้องเป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อนจริงๆ
มินิมอลคือการลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ห้องนอนของคุณเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่มีสิ่งรบกวนสายตา ไม่มีของรกๆ ที่ทำให้สมองต้องรับข้อมูลเยอะเกินไป นอนแล้วหลับง่ายขึ้นแน่นอน!
✅ คนที่ไม่อยากเสียเวลาดูแลห้องเยอะๆ
ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบทำความสะอาด หรือไม่มีเวลามาจัดของบ่อยๆ ห้องสไตล์มินิมอลที่มีของน้อยชิ้นจะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเก็บกวาดมากมาย แค่จัดระเบียบดีๆ ทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยได้ตลอดเวลา
✅ คนที่ชอบความเป็นระเบียบและความมีสไตล์
มินิมอลไม่ใช่แค่ความเรียบง่าย แต่ยังเป็นเรื่องของ “ความลงตัว” ด้วย ถ้าคุณชอบอะไรที่ดูสะอาดตา แต่มีสไตล์ ห้องแบบนี้ตอบโจทย์แน่นอน! ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดีไซน์เรียบๆ แต่ดูแพง และการเลือกโทนสีที่สวยงาม จะทำให้ห้องของคุณดูดีแบบ effortless
✅ คนที่ต้องการประหยัดงบในการแต่งห้อง
ห้องนอนมินิมอลไม่จำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์เยอะ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก ไม่ต้องซื้อของตกแต่งจุกจิก ใช้แค่ของที่จำเป็น แต่เลือกแบบที่สวยและมีคุณภาพ ก็สามารถทำให้ห้องดูดีได้แบบไม่ต้องเปลืองเงิน
สรุปบทความ 7 เทคนิคที่น่าสนใจในการ แต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล
การแต่งห้องนอนสไตล์มินิมอลเน้นความเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งช่วยให้ห้องดูสะอาดตาและมีความสบายตา เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นระเบียบและไม่ชอบความวุ่นวาย การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันเสริม เช่น เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของ ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ดี ส่วนการเลือกโทนสีควรเป็นสีอ่อน เช่น ขาว ครีม หรือเทา เพื่อทำให้ห้องดูโปร่งและอบอุ่น การใช้แสงธรรมชาติและต้นไม้ฟอกอากาศจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับห้อง อีกทั้งการใช้หน้าต่างและม่านที่มีดีไซน์เรียบง่ายก็ช่วยทำให้ห้องดูโล่งและน่าอยู่มากขึ้น การตกแต่งแบบมินิมอลยังช่วยให้ทำความสะอาดง่าย ประหยัดงบประมาณ และสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการห้องที่ไม่ยุ่งเหยิง พร้อมทั้งช่วยให้การพักผ่อนเป็นไปอย่างเต็มที่ครับ