ใครกำลังวางแผนแต่งบ้านหรือบิ้วอินบ้านในปี 2569 บทความนี้คือสิ่งที่ต้องอ่านก่อนเริ่มลงมือทำ เพราะปีนี้เทรนด์แต่งบ้านเปลี่ยนไปเยอะมาก ทั้งสไตล์ วัสดุ โทนสี และมู้ดการตกแต่งที่คนไทยนิยมจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่เทรนด์ไวรัลในโซเชียล แต่เป็นสไตล์ที่อยู่ได้ยาว 5–10 ปีแบบไม่ตกยุค ที่สำคัญคือช่วยให้บ้านดูแพงขึ้น น่าอยู่ขึ้น และเพิ่มมูลค่าบ้านได้แบบเห็นผล ถ้าเพื่อนๆ อยากให้บ้านออกมาสวยแบบมืออาชีพ หรือกำลังลังเลว่าจะเลือกสไตล์ไหนดี บทความนี้จะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นมาก เพราะเรารวบรวม 5 เทรนด์แต่งบ้านของปี 2569 ที่มาแรงที่สุดในไทย พร้อมเหตุผลชัดเจนว่า “บ้านแบบไหนถึงเหมาะกับคุณที่สุด”
ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงให้ความสำคัญกับการแต่งบ้านให้สวยงาม ?
คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการแต่งบ้านมากขึ้น เพราะบ้านไม่ใช่แค่ “ที่อยู่อาศัย” อีกต่อไป แต่เป็น พื้นที่พักใจ พื้นที่ทำงาน และพื้นที่ที่สะท้อนตัวตน แบบครบทุกด้าน หลายคนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้นหลังยุค Work From Home ทำให้เริ่มเห็นชัดว่าบ้านที่ไม่สวย ไม่เป็นระเบียบ หรือไม่ตรงสไตล์ที่ชอบ ส่งผลกับอารมณ์และคุณภาพชีวิตมากแค่ไหน จึงเริ่มอยากมีบ้านที่ดูดี น่าอยู่ และอยู่แล้วสบายใจจริงๆ อีกทั้งการแต่งบ้านยังช่วยเพิ่มมูลค่า เพิ่มความภูมิใจ และทำให้ทุกครั้งที่กลับบ้านรู้สึกว่า “คุ้มค่ากับการอยู่ตรงนี้” ถ้าตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะเริ่มดีไหม บอกเลยว่า เริ่มแต่งสักมุมนึงก่อน แล้วจะรู้เลยว่าบ้านที่ดี ชีวิตก็ดีตามแบบทันทีครับ
5 เทรนด์แต่งบ้านยอดนิยม ในปี 2569
1. แต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น คลาสสิค — ความหรูสง่างามแบบโรงแรม 5 ดาว (อันดับ 1 เทรนด์แต่งบ้านคนไทย)
ลักษณะของสไตล์ Modern Classic
3. แต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น ทรอปิคอล — โมเดิร์นอบอุ่นแบบธรรมชาติ สวยลงตัวกับสภาพอากาศเมืองร้อน
Modern Tropical คือการออกแบบที่ผสานความโมเดิร์นเข้ากับเสน่ห์ของธรรมชาติอย่างลงตัว โดดเด่นด้วยลวดลายไม้ ผิววัสดุด้าน โทนสีอบอุ่นอย่างน้ำตาล ครีม เทาอ่อน และท็อปหินลายธรรมชาติที่ให้บรรยากาศเหมือนรีสอร์ทพรีเมียม ดีไซน์เน้นเส้นตรง สะอาดตา แต่อ่อนโยนด้วยการเลือกใช้ texture ที่มีความ organic ช่วยให้บ้านไม่แข็งจนเกินไป จุดสำคัญคือการใช้แสงธรรมชาติ ช่องเปิด และความโปร่ง ทำให้บ้านอยู่สบายในอากาศร้อนแบบไทยๆ และให้ mood แบบ “บ้านพักผ่อน” ทุกวัน
ทำไมคนถึงนิยมแต่งบ้านสไตล์นี้ในปี 2569
สไตล์นี้ได้รับความนิยมสูงในไทยเพราะตอบโจทย์ทั้งความทันสมัยและความอบอุ่น เจ้าของบ้านไทยชอบเพราะดูพรีเมียมแบบไม่ต้องจัดเยอะ ลวดลายไม้และหินช่วยให้บ้านดูแพงขึ้นแต่ยังเป็นกันเอง เหมาะกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยที่ต้องการบ้านที่น่าอยู่ ใช้งานง่าย และไม่ทึบ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งซื้อบ้านยิ่งชอบเพราะ Modern Tropical ให้ความรู้สึกเหมือนรีสอร์ทที่พักผ่อนสบาย ถ่ายรูปสวย โทนสีอบอุ่นเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ยุคใหม่ และแต่งง่ายแม้พื้นที่ไม่ใหญ่ครับ
ทำไมเข้ากับยุคปัจจุบัน
ยุคนี้ผู้คนมองหาบ้านที่ให้ความสงบ ลดความเครียด และใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น Modern Tropical จึงตอบโจทย์ทั้งภาพลักษณ์และการใช้งานจริง โดยเฉพาะในประเทศที่ร้อนชื้นอย่างไทย วัสดุผิวด้าน ลายไม้ และแสงธรรมชาติช่วยให้บ้านดูเย็นตาและโปร่งสบาย อีกทั้งเป็นสไตล์ที่อยู่ได้นาน ไม่ตกเทรนด์ง่าย และสามารถผสมผสานกับ Modern Minimal Warm หรือ Natural Luxury ได้อย่างลงตัวครับ 🌿✨
4. แต่งบ้านสไตล์ Soft Luxury — หรูแบบผู้ดี ละมุน สบายตา แต่ยังคงความพรีเมียม
ลักษณะของสไตล์ Soft Luxury
ทำไมคนถึงนิยมแต่งบ้านสไตล์นี้ในปี 2569
ปีนี้ Soft Luxury ถือเป็นหนึ่งในสไตล์ที่โตเร็วมากในตลาดแต่งบ้านไทย เพราะตอบโจทย์คนที่ต้องการบ้านที่ทั้ง สวยหรู + อยู่สบาย + ถ่ายรูปสวย แต่ไม่อยากได้ความหนักแน่นของ Modern Luxury หรือความอลังการของ Classic
ทำไมเข้ากับยุคปัจจุบัน
ยุคนี้คนมองหาบ้านที่ทั้งหรูและอยู่สบาย ไม่ทื่อหรือแข็งเหมือนโมเดิร์นจ๋า และไม่เยอะจนดูเหนื่อยแบบคลาสสิคเต็มตัว Soft Luxury จึงเป็นจุดตรงกลางที่ลงตัวที่สุด เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่อยากให้บ้านเป็นพื้นที่พักผ่อนมากกว่าที่โชว์ นอกจากนี้ยังเป็นสไตล์ที่ถ่ายรูปสวย เข้ากับงานเฟอร์นิเจอร์ปัจจุบัน และอยู่ได้นานแบบไม่ตกยุคครับ
5. แต่งบ้านสไตล์ Modern Luxury — หรูโมเดิร์น ฮิตต่อเนื่องยาวนานกว่า 5–10 ปี
Modern Luxury คือการออกแบบที่ผสมผสาน “ความโมเดิร์นที่คมเรียบ” เข้ากับ “วัสดุพรีเมียม” อย่างพอดีที่สุด สไตล์นี้มักใช้ท็อปหินลายธรรมชาติ กระจกใสหรือกระจกเงานุ่มๆ เส้นสีทองหรือสีดำแบบบางๆ และเฟอร์นิเจอร์ผิวด้านที่ให้ความรู้สึกเรียบเนียนทุกผิวสัมผัส เน้นเส้นสายตรง มู้ดนิ่งๆ และการจัดแสงแบบโรงแรมที่ขับให้วัสดุดูแพงขึ้นโดยไม่ต้องใส่ของเยอะ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็น “ความหรูที่ดูมีสติ” ไม่อลังการจนล้นแบบ Classic แต่ดูพรีเมียมลึกๆ เหมือนบ้านระดับ High-End สมัยใหม่
ดีไซน์นี้จึงเข้ากับสถาปัตยกรรมไทยยุคใหม่เกือบทุกขนาด ทั้งคอนโดเล็ก บ้านทาวน์โฮม ไปจนถึงบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ สร้างความรู้สึกแพงขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาในพื้นที่ครับ
ทำไมคนถึงนิยมแต่งบ้านสไตล์นี้ในปี 2569
ปีนี้ Modern Luxury ยังคงเป็นหนึ่งในสไตล์ที่คนไทยเลือกมากที่สุด เพราะ “ตอบโจทย์ทั้งความสวยและการใช้งานจริง” บ้านดูหรูขึ้นทันทีแม้ใช้เพียงบางจุด เช่น ผนังทีวี ไอส์แลนด์ครัว หรือบิ้วอินหลังโซฟา โดยไม่จำเป็นต้องรีโนเวททั้งบ้านให้ใหญ่โตแบบ Classic โดยเจ้าของบ้านไทยชอบเพราะเป็นความหรูที่เข้าใจง่าย สีและวัสดุใช้งานจริงได้ ไม่ต้องดูแลมาก และช่วยทำให้บ้านดูมีมูลค่ามากขึ้น ส่วนคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งซื้อบ้านก็ชอบเพราะลุค Modern Luxury ดูเหมือนบ้านตัวอย่างระดับพรีเมียม ถ่ายรูปสวย และให้ความรู้สึกว่าบ้านดูแพงขึ้นโดยอัตโนมัติแม้ตกแต่งเพียงบางส่วนเท่านั้นครับ
ทำไมเข้ากับยุคปัจจุบัน
Modern Luxury คือสไตล์ที่เข้ากันที่สุดกับ “ชีวิตคนเมืองในปี 2568” เพราะตอบโจทย์ความเรียบง่ายแต่ดูดี ใช้วัสดุน้อยแต่คุณภาพสูง และเน้นความเป็นระเบียบเพื่อให้บ้านดูโปร่งและน่าอยู่ สไตล์นี้ยังเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ยุคใหม่ที่เน้นผิวด้าน เส้นตรง และสีอ่อน–เข้มแบบคุมโทนได้ดี ทำให้ภาพรวมของบ้านคงความหรูแบบไม่ตกเทรนด์ นอกจากนี้ยังเป็นสไตล์ที่อยู่ได้ยาว 5–10 ปีโดยแทบไม่ต้องเปลี่ยนธีม เพราะความเรียบคมของมันคือความ “คลาสสิคของความโมเดิร์น” ที่ไม่เอาต์ง่ายเลยครับ
แต่งบ้านใหม่ต้องเริ่มจากตรงไหน? คู่มือเริ่มต้นฉบับคนงบน้อย
1. เลือกสไตล์ให้ชัดก่อน – ป้องกันการซื้อของมั่วและงบบาน
เจ้าของบ้านหลายคนเริ่มซื้อของก่อนเลือกสไตล์ ทำให้สุดท้ายบ้านหลุดโทนและต้องซื้อใหม่ซ้ำๆ ให้นึกภาพให้ชัดว่าอยากได้บ้านแนวไหน เช่น Modern Classic, Minimal Warm, Soft Luxury หรือ Modern Tropical เลือกให้ชัด 1 สไตล์เพื่อเป็นทางนำ ทุกการเลือกสี วัสดุ เฟอร์นิเจอร์จะง่ายขึ้นมาก และลดงบฟุ่มเฟือยแบบเห็นผลทันทีครับ
2. เริ่มจากโซนหลักก่อน – แต่งเฉพาะจุดที่เห็นผลชัดที่สุด
สำหรับคนงบน้อย แนะนำให้เริ่มจาก “พื้นที่ใช้งานทุกวันและเห็นบ่อยที่สุด” เช่น ห้องนั่งเล่นครัว หรือผนังทีวี เน้นทำให้มุมหลักออกมาสวยก่อน แล้วค่อยขยับไปโซนรอง วิธีนี้ช่วยให้บ้านดูดีขึ้นทั้งหลังโดยไม่ต้องแต่งทุกจุด และเป็นการใช้เงินอย่างคุ้มที่สุดครับ
3. ใช้วัสดุที่คุ้มค่าและทนในระยะยาว – ไม่ต้องสวยแพง แต่ต้องใช้จริงได้
ไม่จำเป็นต้องเลือกวัสดุแพงที่สุดถึงจะสวย วัสดุระดับกลางที่คุ้มค่าอย่างผิวด้าน หินสังเคราะห์ ไม้ SPC หรือโครงเหล็กผสมไม้ MDF ก็ให้ลุคหรูได้เหมือนกัน แต่ทนกว่าและดูแลง่ายกว่า เลือกวัสดุที่ตอบโจทย์ “สวย–ทน–ดูแลง่าย” จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงในอนาคตได้มากครับ
4. ทำทีละเฟส – ค่อยๆ แต่ง ค่อยๆ เพิ่ม จะประหยัดที่สุด
แต่งบ้านให้เสร็จทั้งหลังในครั้งเดียวคือเหตุผลหลักที่งบบาน เพราะซื้อของเยอะเกินและบางอย่างไม่ได้ใช้จริง แนะนำให้ทำทีละเฟส เช่น เริ่มจากผ้าม่าน–ไฟ–เฟอร์นิเจอร์หลัก แล้วค่อยเติมของตกแต่งภายหลังเมื่ออยู่บ้านจริงๆ วิธีนี้ช่วยให้เลือกของได้แม่นขึ้น คุมงบได้ง่าย และบ้านจะค่อยๆ สวยขึ้นอย่างสมดุลครับ
5 เทคนิคแต่งบ้านให้สวยขึ้นเเน่นอน
1. กำหนดสไตล์ให้ชัด แล้วคุมโทนทั้งบ้านให้ไปทางเดียวกัน
ความสวยของบ้าน 70% มาจาก “ภาพรวมที่ต่อเนื่อง” ไม่ใช่ของแพง เพราะถ้าบ้านมีสไตล์ที่ชัด เช่น Modern Classic, Minimal Warm, Soft Luxury หรือ Modern Tropical ทุกสี วัสดุ และเฟอร์นิเจอร์จะเข้ากันหมด ทำให้บ้านดูแพงขึ้นทันที แม้งบน้อยก็ยังดูดีได้ ส่วนคนงบเยอะยิ่งได้เปรียบ เพราะเลือกวัสดุพรีเมียมขึ้นได้โดยยังอยู่ในโทนเดิม
2. ทำมุมไฮไลต์ 1–2 มุมให้โดดเด่น แล้วปล่อยพื้นที่อื่นๆ ให้เรียบง่าย
บ้านที่สวยจริงมักมี “พระเอกของห้อง” เช่น ผนังทีวี, ไอส์แลนด์ครัว, ผนังหัวเตียง หรือมุมทานข้าว แต่งให้จบสวยๆ แค่ 1–2 มุมก็ทำให้ทั้งบ้านดูดีขึ้นอย่างเห็นผล โดยไม่ต้องแต่งทุกมุม คนงบน้อยใช้ลามิเนตดีๆ หรือไฟซ่อน คนงบเยอะอาจเลือกหินจริงหรือแผ่นกรุพรีเมียม แบบไหนก็ดูแพงได้ครับ
3. ใช้แสงไฟช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านดูอบอุ่นและแพงขึ้น
แสงไฟดีๆ ช่วยอัปเกรดบ้านได้มากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะงบเท่าไร แค่เปลี่ยนเป็นไฟโทนอุ่น เพิ่มไฟซ่อนใต้ตู้ หลังผนังทีวี หรือหัวเตียง บ้านจะดูนุ่ม ละมุน และมีมิติขึ้นทันที คนงบน้อยเริ่มจากหลอด + โคมไฟตั้งพื้น คนงบเยอะทำเป็นระบบ Smart Lighting ทั้งบ้านได้เลยครับ
4. เลือกเฟอร์นิเจอร์ทรงสวยและสัดส่วนเป๊ะเข้ากับพื้นที่
เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ดี ไม่จำเป็นต้องแพง แต่ต้อง “รูปทรงดี + ขนาดพอดีห้อง” ห้องเล็กใช้เฟอร์ทรงโปร่ง ขาเรียว ห้องใหญ่ใช้เฟอร์เต็มใบให้สมส่วน ถ้าขนาดเฟอร์พอดี ห้องจะดูเรียบร้อยทันที คนงบน้อยใช้ลอยตัวปรับเปลี่ยนได้ง่าย คนงบเยอะเลือกบิ้วอินสั่งทำให้เข้ากับผนังแบบไร้รอยต่อได้เลยครับ
5. เติมดีเทลเล็กๆ ให้บ้านดูแพงขึ้นแบบไม่ต้องใช้เงินเยอะ
ของตกแต่งชิ้นดีช่วยยกระดับบ้านได้มาก เช่น พรมเนื้อดี ผ้าม่านโทนอ่อน ดอกไม้ แจกัน ภาพติดผนัง หรือถาดตกแต่งบนโต๊ะกลาง แม้งบน้อยก็เลือกชิ้นเด่น 2–3 ชิ้นก็เอาอยู่ ส่วนคนงบเยอะเพิ่มของดีไซเนอร์หรือแบรนด์พรีเมียมเข้าไป บ้านก็จะดู Luxury แบบละมุนทันที
แต่งบ้านอย่างไรให้ใช้งานจริงได้ทุกวัน (ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปสวย)
1. เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สวย แต่ต้องสัดส่วนพอดีกับชีวิตจริง
เฟอร์นิเจอร์บางแบบสวยในรูป แต่ใช้งานจริงไม่สบาย เช่น โซฟาเตี้ยเกิน โต๊ะกลางเล็กเกิน หรือเตียงที่กินพื้นที่จนไม่เหลือที่เดิน ก่อนซื้อให้วัดขนาดพื้นที่จริง แล้วเลือกดีไซน์ที่ “ใช้งานได้ทุกวัน” ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปครั้งเดียวแล้วเกะกะไปตลอดครับ
2. เลือกวัสดุที่ทนต่อการใช้งาน ไม่เปื้อนง่าย และดูแลไม่ยาก
บ้านที่อยู่จริงต้องเจอรอยขีดข่วน คราบอาหาร น้ำหก หรือความชื้น เลือกวัสดุที่ทน เช่น หินควอทซ์สำหรับครัว ผิวด้านสำหรับหน้าบาน หรือไม้ SPC ที่ทนน้ำและเช็ดง่าย วัสดุดีช่วยประหยัดค่าซ่อม และทำให้บ้านอยู่ได้แบบไม่ต้องระวังทุกฝีก้าวครับ
3. วางผังบ้านให้เดินสะดวก และใช้ชีวิตลื่นไหลในทุกวัน
ผังเฟอร์นิเจอร์ดีๆ สำคัญมาก ต้องมีระยะเดินขั้นต่ำ 90–120 ซม., โต๊ะกินข้าวต้องดึงเก้าอี้ได้จริง, ตู้ครัวต้องเปิดบานไม่ติดอะไร การวางเลย์เอาต์ที่ถูกหลัก ช่วยให้บ้านใช้งานง่ายขึ้นหลายเท่า แม้ของจะไม่เยอะก็ตาม
4. เพิ่มพื้นที่เก็บของแบบคิดมาแล้ว ไม่ใช่ซ่อนไว้แค่ถ่ายรูปสวย
บ้านที่ถ่ายรูปสวยแต่ไม่มีที่เก็บของจริง = รกใน 3 วัน
ควรมีพื้นที่เก็บของที่ “ตรงกับนิสัยการใช้ชีวิต” เช่น
-
ตู้รองเท้าใกล้ประตู
-
ลิ้นชักเก็บของจุกจิกในไอส์แลนด์
-
ตู้หัวเตียงที่ใช้ได้ทุกคืน
ของทุกชิ้นต้องมี “บ้านของมัน” บ้านจะดูเรียบร้อยได้โดยไม่ต้องพยายามครับ
5. ใช้แสงไฟที่ใช้งานได้จริง ไม่ใช่แสงสวยเฉพาะตอนถ่ายรูป
แสงไฟที่สวยแต่ใช้งานไม่ได้ เช่น มืดเกินจนอ่านหนังสือไม่ได้ หรือสว่างเกินเหนื่อยตา ควรมีไฟหลายเลเยอร์—ไฟหลัก ไฟซ่อน ไฟโต๊ะ เพื่อให้เลือกใช้ตามกิจกรรม แสงดีทำให้บ้านน่าอยู่ขึ้น และใช้งานได้จริงทั้งกลางวันและกลางคืนครับ
6. สไตล์ต้องสวย แต่ไม่รบกวนการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะแต่งแบบ Luxury, Minimal หรือ Modern Tropical ต้องถามตัวเองว่า “อยู่จริงแล้วสะดวกไหม?” เช่น ผิวมันต้องเช็ดบ่อย ไม้สีเข้มเป็นรอยง่าย หรือโต๊ะหินหนักเกินขยับไม่ได้ เลือกดีไซน์ที่สวยแต่ดูแลง่าย จะทำให้บ้านอยู่ได้ทุกวันโดยไม่เหนื่อยครับ
5 ข้อควรรู้ ก่อนเริ่มแต่งบ้านใหม่ (จากประสบการณ์จริง)
1. ต้องกำหนดสไตล์ให้ชัดก่อน — ไม่งั้นบ้านออกมาคนละโทนทั้งหลัง
จากประสบการณ์เจอกันบ่อยมาก ลูกค้าหลายคนเริ่มแต่งบ้านแบบ “ลองไปทีละมุม” โดยยังไม่รู้สไตล์ที่ตัวเองต้องการ ผลลัพธ์คือบ้านออกมาคนละอารมณ์ ห้องหนึ่งโมเดิร์น อีกห้องมินิมอล อีกมุมดันเป็นคลาสสิค ทำให้ต้องรื้อทำใหม่ เสียทั้งเวลาและงบสองรอบ ถ้ากำหนดสไตล์ตั้งแต่ต้น ทุกอย่างจะไปในทิศทางเดียวกัน บ้านจะสวยนิ่งและต่อเนื่องทันทีครับ
2. ต้องตั้งงบและจัดลำดับโซนให้ดี — ไม่งั้นงบบานจนทำไม่จบทั้งหลัง
ลูกค้าหลายคนเริ่มทำโดยไม่วางงบรวม พอทำครัวเสร็จงบหมด เหลือห้องรับแขกที่ยังไม่ได้เริ่ม ทำให้บ้านไม่เสร็จสักที การตั้งงบรวมและจัดลำดับความสำคัญ เช่น โถงรับแขก–ครัว–ห้องนอนใหญ่ จะช่วยให้ทำงานเป็นเฟสๆ งบไม่กระจาย และบ้านเสร็จครบอย่างที่ตั้งใจครับ
3. ต้องเช็กโครงสร้าง–ระบบเดิมก่อน — ไม่งั้นทำไปแล้วต้องรื้อกลับ เสียสองต่อ
เคสนี้เจอบ่อยสุดๆ ลูกค้าหลายคนเริ่มบิ้วอินก่อนตรวจระบบน้ำ ไฟ ท่อ หรือผนังรับน้ำหนัก ทำให้ตอนติดตั้งจริงเจอปัญหา เช่น ท่ออยู่ผิดตำแหน่ง ปลั๊กไม่พอ หรือบิ้วอินบังจุดสำคัญ ต้องรื้อเพื่อย้ายอีกรอบซึ่งแพงกว่าทำครั้งเดียวหลายเท่า การตรวจระบบก่อนเริ่มคือวิธีประหยัดงบที่สุดครับ
4. ต้องเลือกวัสดุให้เหมาะกับการใช้งาน — ไม่ใช่แค่สวยเพราะถ่ายรูปดี
มีลูกค้าหลายคนเลือกวัสดุจากรูป Pinterest อย่างเดียว เช่น ใช้หินอ่อนแท้ในครัว ใช้ผิวมันล้วนในบ้านทั้งหลัง สุดท้ายใช้ไปไม่ถึงปีเป็นรอยง่าย ซ่อมบ่อย และต้องเปลี่ยนใหม่ วัสดุที่เหมาะกับเมืองไทยต้อง “สวย + ทน + ใช้งานจริงได้” เช่น หินควอทซ์ ผิวด้าน ไม้ SPC จะคุ้มกว่าในระยะยาวมากครับ
5. ต้องเลือกทีมงานที่เชื่อถือได้ — ไม่งั้นบ้านจะออกมาไม่เหมือนภาพที่ตั้งใจ
อันนี้เจอจริงแทบทุกปี หลายคนเลือกช่างจากราคาถูกที่สุด จนสุดท้ายงานออกมาคลาดเคลื่อน วัสดุไม่ตรงแบบ หรือไม่ได้ใส่ใจจุดเล็กๆ ที่ทำให้บ้านดูแพง ทำให้ต้องแก้ไขภายหลังซึ่งเสียเงินมากกว่าจ้างทีมดีตั้งแต่แรก ทีมงานที่มีประสบการณ์จะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่น งานจบสวย และได้บ้านตามที่ออกแบบไว้จริงๆ ครับ
สรุปบทความ 5 เทรนด์แต่งบ้านปี 2569
ปี 2569 คือปีที่เทรนด์แต่งบ้านของคนไทยชัดเจนที่สุดปีหนึ่ง เพราะเจ้าของบ้านเริ่มมองหาพื้นที่ที่ทั้ง “อยู่จริงได้ดี” และ “สวยอย่างมืออาชีพ” มากขึ้นกว่าที่เคย ไม่ใช่แต่งให้สวยแค่ในรูป แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน เทรนด์ทั้ง 5 สไตล์ที่กล่าวมา—Modern Classic Luxury, Modern Luxury, Modern Minimal Warm, Soft Luxury และ Modern Tropical—ต่างสะท้อนความต้องการของคนยุคใหม่ที่อยากได้บ้านสวยเรียบแต่หรู มีดีเทลพอดี น่าอยู่ อบอุ่น และไม่ตกยุคง่าย ทุกสไตล์ถูกปรับให้เบาลงตามยุคสมัย ใช้วัสดุที่เข้ากับสภาพอากาศเมืองไทย และยังคงความพรีเมียมแบบที่คนไทยชอบ ทำให้บ้านดูดีขึ้นได้ทันทีตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา
สิ่งที่ทั้ง 5 เทรนด์มีเหมือนกันคือ “ความลงตัวระหว่างความสวยและการใช้งานจริง” ซึ่งเป็นจุดที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญมากที่สุดในยุคนี้ บ้านกลายเป็นพื้นที่ใช้ชีวิตจริงมากขึ้น ทั้งทำงาน พักผ่อน และเป็นที่เติมพลังหลังจากวันที่เหนื่อยล้า ทำให้หลายคนหันมาลงทุนกับบิ้วอิน วัสดุคุณภาพ และดีไซน์ที่อยู่ได้นานอย่างน้อย 5–10 ปีแบบไม่ต้องรีโนเวทใหม่ และที่สำคัญ เทรนด์ทั้ง 5 สไตล์เป็นสไตล์ที่ “เข้ากับบ้านไทย” อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านโครงการ บ้านเดี่ยวสมัยใหม่ หรือบ้านรีโนเวท ทำให้เจ้าของบ้านสามารถเลือกสไตล์ที่ใช่ แล้วปรับให้เข้ากับงบประมาณของตัวเองได้เลย ปีนี้จึงเป็นปีทองของคนที่กำลังวางแผนแต่งบ้าน—เพราะถ้าเลือกสไตล์ให้ถูกตั้งแต่แรก บ้านก็จะออกมาสวย มีรสนิยม และใช้งานได้ดีแบบไม่ต้องแก้ไขหลายรอบครับ


